แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 20
1
วิธีเปรียบเทียบรถรับจ้าง รถกระบะรับจ้าง vs. รถหกล้อรับจ้าง ขนย้ายของ คุณควรเลือกตัวไหน?

การย้ายที่อยู่หรือขนของเป็นกระบวนการที่ต้องการการวางแผนและการเลือกรถรับจ้างที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของกิจกรรมนี้ การเปรียบเทียบระหว่าง รถกระบะรับจ้างขนของ และ รถหกล้อรับจ้าง ที่ให้บริการรับจ้างจึงมีความสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถเลือกตัวเลือกรถที่ตรงกับความต้องการและสภาพแวดล้อมของคุณได้เป็นอย่างดี

รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างที่ต้องการพื้นที่ไม่มาก
รถกระบะรับจ้าง สำหรับงานขนย้ายของ ย้ายหอ สินค้า เป็นทางเลือกที่มีความคล่องตัวและสามารถทำงานในพื้นที่ที่มีการเข้าถึงที่ยากได้ ข้อดีและข้อเสียของ รถกระบะรับจ้างขนของ มีความสำคัญในการตัดสินใจในการใช้บริการรับจ้างนี้


ข้อดีของรถกระบะ

รถกระบะมีข้อดีที่สำคัญทำให้เป็นทางเลือกน่าสนใจสำหรับการขนของ คือคล่องตัวและเข้าถึงที่ติดขัดได้ยาก รถกระบะขนของ มีขนาดเล็กทำให้สามารถคล่องตัวไปได้ในที่แคบและเข้าถึงที่ติดขัดได้มีประสิทธิภาพมาก.
ค่าบริการที่ทำให้เป็นทางเลือกที่เสถียร : ราคาบริการของรถกระบะรับจ้างมักจะถูกกว่ารถหกล้อรับจ้าง อย่างแน่นอน ทำให้เป็นตัวเลือกที่คนนิยมใช้ สำหรับขนของปริมาณเล็ก.


ข้อเสียของรถกระบะ

การใช้บริการรถกระบะรับจ้างขนของ ก็มีข้อจำกัดบางประการ จำกัดความจุของของที่ขนได้: รถกระบะมีพื้นที่บรรทุกจำกัด, ไม่เหมาะสำหรับการย้ายของที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก.
ไม่เหมาะสำหรับของที่ขนาดใหญ่: รถกระบะรับจ้าง ไม่เหมาะสำหรับการย้ายของที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก เนื่องจากอาจทำให้การย้ายของไม่สะดวก


รถหกล้อรับจ้าง มีความจุขนาดใหญ่และเหมาะสำหรับการย้ายของที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก เช่น ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายบ้าน ขนย้ายเครื่องจักร ขนย้ายสินค้าการเกษตร ย้ายไซต์งานก่อสร้าง  ข้อดีและข้อเสียของรถหกล้อควรถูกพิจารณาในการตัดสินใจในการใช้บริการรับจ้างนี้.


ข้อดีของ รถหกล้อรับจ้างขนของ

ความจุของของที่ขนมาก: รถหกล้อรับจ้าง มีความจุที่มากกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการย้ายของที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก.
สามารถขนของที่มีน้ำหนักมากได้: รถหกล้อขนของ สามารถยกของที่มีน้ำหนักมากได้, เหมาะสำหรับของที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น.


ข้อเสียของรถหกล้อรับจ้าง

ขนาดใหญ่และเข้าถึงที่ติดขัดได้ยาก: รถหกล้อมีขนาดใหญ่, ทำให้เข้าถึงที่ติดขัดได้ยากบ้าง.
ราคาบริการที่สูง: รถหกล้อรับจ้าง มีราคาบริการที่สูงกว่ารถกระบะรับจ้าง ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับบางคน.
การเลือกใช้บริการรถรับจ้างต้องพิจารณาความต้องการและสภาพแวดล้อม การทำความเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของรถกระบะและรถหกล้อจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีสติ


ความปลอดภัยของของที่ขน

ไม่ว่าคุณจะเลือกรถกระบะหรือรถหกล้อ, ความปลอดภัยของของที่ขนต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา คุณต้องการให้ของที่คุณย้ายถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและไม่เสียหาย
การเลือกตัวเลือกรถรับจ้างที่เหมาะสม
เมื่อคุณเลือกรถรับจ้าง, ควรพิจารณาความต้องการของการขนของทั่วไปและการย้าย ทำความเข้าใจถึงต้นทุน, คุณภาพ, และความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง


เคล็ดลับในการเลือกบริษัทรถรับจ้าง

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ, ควรทำการตรวจสอบความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของบริษัท อ่านรีวิวและความคิดเห็นจากลูกค้าเก่า เพื่อให้คุณได้บริการที่มีคุณภาพ

การบรรจุและการขนย้ายที่เป็นไปได้

เตรียมการบรรจุของที่ให้เหมาะสมกับประเภทของรถรับจ้างที่คุณเลือก เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย


รถรับจ้างขนของไปต่างจังหวัด ราคาถูก
ทำไม "ขนส่ง" ถูกเรียกใช้บริการย้ายหอด้วยรถกระบะรับจ้างจำนวนมาก
"ขนส่ง" เป็นบริษัทขนส่งที่ได้รับความนิยมและมีผู้ให้บริการจำนวนมากในการย้ายหอและขนของโดยใช้บริการรถกระบะรับจ้าง นั่นอาจเกิดจากหลายปัจจัยที่ทำให้บริการนี้เป็นที่ต้องการและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ต่อไปนี้คือเหตุผลที่ทำให้ "ขนส่ง" มีผู้ใช้บริการที่เรียกใช้บริการย้ายหอด้วยรถกระบะรับจ้างจำนวนมาก:
ความคล่องตัวของรถกระบะ: รถกระบะมีขนาดเล็กและคล่องตัว, ทำให้สามารถทำการเข้าถึงที่ติดขัดได้ง่าย ทำให้เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายในการย้ายของในพื้นที่ที่มีทางเข้าแคบหรือทางที่ลำบาก.

ค่าบริการที่เหมาะสม: "ขนส่ง" อาจมีราคาบริการที่เหมาะสมและคุ้มค่าต่อการให้บริการ, ทำให้เป็นทางเลือกที่ท้าทายและเหมาะสำหรับนักศึกษาหรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการย้ายหอ.
ความปลอดภัยและเชื่อถือได้: การมีชื่อเสียงที่ดีและความปลอดภัยของบริการนั้นเป็นจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อถือในการให้บริการ, โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับการย้ายที่อาจมีของที่มีค่าต่างๆ.
การให้บริการที่เป็นมืออาชีพ: การให้บริการที่มีความมืออาชีพและการปฏิบัติตามมาตรฐานการบริการทำให้ "ขนส่ง" น่าเชื่อถือในการย้ายของ.
ความสะดวกสบายในการติดต่อ: บริษัทอาจมีช่องทางการติดต่อที่สะดวกสบาย, ทำให้การจัดการและประสานงานกับลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่น.
โปรโมชั่นหรือส่วนลด: การมีโปรโมชั่นหรือส่วนลดเป็นจุดเสริมที่ทำให้บริการนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น.
ด้วยสาเหตุทั้งหลายเหล่านี้, "ขนส่ง" จึงเป็นทางเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับผู้ที่ต้องการบริการย้ายหอด้วยรถกระบะรับจ้างในประเทศ.

รถรับจ้างขนของ พร้อมคนยก
รถกระบะรับจ้างขนของ เหมาะกับการขนย้ายของประเภทไหน
การเลือกใช้บริการ รถรับจ้าง รถกระบะรับจ้างสำหรับการขนย้ายของเป็นคำตอบที่ค่อนข้างทันสมัยและประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย. รถกระบะมีข้อดีที่ทำให้เหมาะสมกับการขนย้ายของประเภทต่างๆ:

ขนาดที่เล็กและคล่องตัว: รถกระบะมีขนาดเล็กทำให้สามารถเข้าถึงที่ติดขัดได้ง่าย และเหมาะสำหรับการขนย้ายของที่ต้องการการเคลื่อนย้ายที่รวดเร็ว.
ค่าบริการที่คุ้มค่า: ราคาบริการของรถกระบะมักจะถูกกว่ารถขนาดใหญ่, ทำให้เป็นทางเลือกที่เสถียรสำหรับขนย้ายของปริมาณเล็ก.
เหมาะสำหรับของที่บรรทุกน้อย: รถกระบะเหมาะสำหรับการขนย้ายของที่มีปริมาณน้อย, เช่น การซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าหรือการย้ายของบ้านที่มีขนาดเล็ก.


ขนย้ายบ้าน ส่วนมากเขาใช้รถขนของประเภทไหน

การขนย้ายบ้านเป็นกระบวนการที่ใหญ่ในชีวิตของผู้คน, และการเลือกใช้รถขนของที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ. ส่วนใหญ่, การขนย้ายบ้านในปัจจุบันมักใช้รถหกล้อมากกว่า เนื่องจากมีขนาดที่ใหญ่และสามารถรองรับปริมาณของที่ขนในบ้านได้มาก.

การมีขนาดที่ใหญ่: รถหกล้อรับจ้างมีขนาดใหญ่, ทำให้เหมาะสำหรับการย้ายของบ้านทั้งหมดในครั้งเดียว.
ความทนทานและปลอดภัย: รถหกล้อมักมีโครงสร้างที่ทนทานและปลอดภัยมากกว่า, เหมาะสำหรับการย้ายของบ้านที่ต้องการความรักษาสภาพที่ดี.

ทำไมจึงมีคนใช้บริการ รถหกล้อรับจ้าง มากขึ้นเรื่อยๆในการย้ายบ้าน

การมีจำนวนคนใช้บริการรถหกล้อรับจ้างในกระบวนการย้ายบ้านเพิ่มมากขึ้นได้เนื่องจากเหตุผลหลายประการ:
ความจุขนาดใหญ่: รถหกล้อมีความจุที่มากกว่า, ทำให้เหมาะสำหรับการย้ายบ้านที่มีขนาดใหญ่หรือมีการบรรทุกมาก.
สามารถขนย้ายของทั้งบ้านได้ในครั้งเดียว: ความจุของรถหกล้อทำให้สามารถย้ายของทั้งบ้านได้ในครั้งเดียว, ทำให้เป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดเวลา.
ความเร็วและประสิทธิภาพ: รถหกล้อมักมีความเร็วและประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้าย, ทำให้เป็นทางเลือกที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ.

รับจ้างขนของ ราคาถูก
รถขนของทั่วไป เขาต้องมีคนช่วยยกอย่างน้อยกี่คน
การขนย้ายของทั่วไปมักต้องการคนช่วยยก, โดยจำนวนคนที่ต้องการช่วยยกจะขึ้นอยู่กับขนาดและน้ำหนักของของที่. โดยทั่วไปแล้ว, คนช่วยยกอย่างน้อย 2-3 คนถือเป็นมาตรฐาน, แต่สำหรับของที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก, อาจจำเป็นต้องมีคนช่วยยกมากกว่านี้.
ขนาดของของที่: ของที่ขนที่ใหญ่หรือมีน้ำหนักมากมักต้องการคนช่วยยกมากขึ้น.
การบรรทุกและถอดชิ้นส่วน: ถ้ามีการบรรทุกหรือถอดชิ้นส่วนของที่, จำนวนคนที่ต้องการช่วยยกอาจจะเพิ่มขึ้น.
การใช้เครื่องมือช่วย: การใช้เครื่องมือช่วยยก, เช่น ลิฟท์ไฮดรอลิค, อาจลดจำนวนคนที่ต้องใช้.
การเลือกใช้บริการรถกระบะหรือรถหกล้อรับจ้างในกระบวนการย้ายของขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าและลักษณะของของที่ที่ต้องการขนย้าย. โดยทั่วไป, รถกระบะเหมาะสำหรับขนย้ายของที่เล็กปริมาณน้อย, ส่วนรถหกล้อมักเหมาะสำหรับการย้ายบ้านหรือขนย้ายของที่ใหญ่มาก. นอกจากนี้, การมีคนช่วยยกต้องพิจารณาตามขนาดและน้ำหนักของของที่เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

รถรับจ้าง
คนที่ไปกับรถรับจ้างเพื่อช่วยยกของควรมีคุณสมบัติต่อไปนี้:
แข็งแรงทางกาย: คนยกของต้องมีความแข็งแรงทางกายเพียงพอที่จะยกของที่มีน้ำหนักหนักได้, โดยไม่ทำให้เกิดบาดเจ็บ.
ทักษะการจัดการและการสวมใส่: ต้องมีทักษะการจัดการของที่อย่างเหมาะสมเพื่อให้ของที่นำมาเข้ารถรับจ้างถูกจัดวางอย่างปลอดภัย. การใส่และถอดของที่อย่างระมัดระวังก็เป็นทักษะที่สำคัญ.
ความรอบคอบ: คนยกของควรมีความรอบคอบและรับผิดชอบในการดูแลของที่ที่พวกเขากำลังทำงาน, ทั้งในด้านความปลอดภัยและความถูกต้อง.
ความสามารถในการทำงานร่วมกับทีม: ในบางครั้ง, คนยกของต้องทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่ในกระบวนการย้ายของ, ซึ่งต้องการความสามารถในการทำงานเป็นทีม.
การมีทักษะการสื่อสาร: การสื่อสารเป็นสำคัญเมื่อทำงานกับลูกค้าหรือทีมงานอื่นๆ, โดยการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและการฟังความต้องการของลูกค้า.
ความอดทนและพลังงาน: การยกของและการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันสามารถเป็นงานที่ท้าทาย, คนที่ไปกับรถรับจ้างต้องมีความอดทนและพลังงานเพียงพอ.
ความรอบคอบต่อเวลา: คนที่ไปกับรถรับจ้างต้องมีความรอบคอบต่อเวลา, เพื่อไม่ทำให้กระบวนการขนย้ายของล้มเหลว.
ความเป็นกันเองและบริการ: การให้บริการที่เป็นกันเองและทำงานด้วยความสุภาพมีความสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกค้า.
ความคิดรอบคลุม: คนยกของต้องมีความรอบคลุมในการทำงาน, รวมถึงการตรวจสอบและรักษาความสะอาดของรถขนย้ายของ.
ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือช่วยยก: ในบางกรณี, คนยกของอาจต้องใช้เครื่องมือช่วยยก, ซึ่งต้องการความเข้าใจในการใช้งานเครื่องมือนั้นๆ. คุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้คนที่ไปกับรถรับจ้างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย.


เปรียบเทียบบริการรถรับจ้าง รถกระบะรับจ้าง vs. รถหกล้อรับจ้าง คุณควรเลือกตัวไหน? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-pickup.com/

2
ปัญหาฟันผุ เป็นปัญหาที่หลายคนอาจจะเคยพบเจอ ซึ่งเกิดจากการรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดี โดยฟันผุนั้น คือการที่ผิวฟันเกิดเป็นจุดหรือรูโหว่ ซึ่งอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น คราบแบคทีเรียภายในช่องปาก หรือการที่ดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม รับประทานขนมขบเคี้ยวเป็นประจำ แล้วไม่รักษาความสะอาดของช่องปากแลฟันให้ดี และถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการรักษา อาการจะลามลึกลงไปถึงรากฟัน สร้างความเจ็บปวด เสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเสียฟันซี่นั้นตลอดไป เรื่องของฟันผุ จึงเป็นปัญหาที่ควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ในร่างกาย ซึ่งเป็นปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรงที่เราไม่ควรจะมองข้าม


ถ้าหากเราสูญเสียฟันธรรมชาติไป ก็จะสามารถแก้ไขได้ยาก แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีการรักษา เพราะการสูญเสียฟัน สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งหรือที่เรียกว่า การทำสะพานฟัน ซึ่งสะพานฟันนั้น เป็นการทำฟันปลอมชนิดติดแน่นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสะพานฟันจะอาศัยฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียงเป็นหลักในการยึดติด ไม่สามารถถอดเข้าออกด้วยตัวเองได้ ต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น  การทำสะพานฟันจะทำในกรณีที่ฟันถูกถอนไป แต่ยังเหลือฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียงที่แข็งแรงสามารถเป็นหลักยึดสะพานฟันได้ โดยจะช่วยทำให้ผู้เข้ารับการรักษา กลับมามีรอยยิ้มที่สวยงาม รู้สึกมั่นใจ ทั้งยังสามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่สูญเสียฟันไป ให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม


แต่การทำสะพานฟัน ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องศึกษารายละเอียด วิธีการดูแลรักษาความสะอาด รวมไปถึงขั้นตอนการรักษาให้ละเอียดเสียก่อน รวมไปถึงศึกษาข้อดีและข้อเสียว่า การทำสะพานฟันนั้น จะส่งผลกระทบต่อเราอย่างไร ภายหลังจากที่เข้ารับการรักษาด้วยการทำสะพานฟัน ครั้งที่แล้วทางคลินิกเราได้พูดถึงข้อดีของการทำสะพานเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจสำหรับผู้ที่มีความต้องการจะทำสะพานฟัน และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดข้อเสียกันบ้างว่า การทำสะพานฟันมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง รวมถึงข้อจำกัดต่างๆด้วย สำหรับข้อเสียในการทำสะพานฟันนั้น ก็คือ อย่างแรกเลยคือจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง


เนื่องจากการแก้ไขปัญหาการทดแทนฟันธรรมชาติ ด้วยการทำสะพานฟันเป็นการทำฟันปลอมชนิดติดแน่น จึงมีราคาแพงกว่าฟันปลอมทั่วไปที่สามารถถอดออกได้ และการติดสะพานฟันอาจส่งผลกระทบต่อฟันซี่ที่อยู่ข้างๆ ได้ เพราะฉะนั้น ก่อนการรักษาจะต้องปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนที่จะทำการรักษา จะต้องมั่นใจว่ามีฟันบริเวณข้างเคียงที่แข็งแรง สามารถยึดติดสะพานฟันได้ ที่สำคัญมากที่สุดคือ ผู้เข้ารับการรักษาอาจต้องเอาใจใส่ในการทำความสะอาดช่องปากและฟันมากขึ้น เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับข้อจำกัดในเรื่องของการเข้ารับการรักษาด้วยการทำสะพานฟัน ก็จะสามารถทำได้ในผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก หากมีปัญหาเช่น โรคเหงือก จะไม่สามารถทำสะพานฟันได้ จนกว่าจะได้รับการรักษาโรคเหงือกให้หายเป็นปกติเสียก่อน นอกจากนี้ การทำสะพานฟัน มีความจำเป็นที่จะต้องกรอเนื้อฟันซี่ข้างเคียงออก เพื่อทำเป็นหลักยึดติดให้แก้สะพานฟัน  ทำให้สูญเสียเนื้อฟันซี่ที่ดีออกไป และสะพานฟันจะทำความสะอาดยากกว่าฟันธรรมชาติ เนื่องจากส่วนที่เป็น ลอยอยู่บนเหงือก จึงต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการทำความสะอาด เช่น การใช้ไหมขัดฟัน จะเพิ่มขึ้นตอนในการทำความสะอาดฟันมากกว่าปกติ และถ้าหากผู้เข้ารับการรักษาดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นปากได้ กรณีผู้ที่สูญเสียฟันไป แต่ไม่อยากเข่ารับการรักษาด้วยการทำสะพานฟัน สามารถเลือกวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมทดแทนได้


ซึ่งทางคลินิกของเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของรากฟันเทียม หากสนใจสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ ทั้งนี้ทางคลินิกเรายังมีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับผู้ที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาฟัน โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 39,900 บาท จากราคาปกติ 50,000 บาท เพื่อที่จะให้ผู้ที่มีปัญหาฟันได้กลับมามีฟันที่สวยง่ามเป็นธรรมชาติได้อีกครั้ง




จัดฟันบางนา: ข้อเสียของสะพานฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

3
“ กระชายขาว ” หรือ กระชาย เป็นสมุนไพรที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน และนิยมนำมาประกอบอาหาร ซึ่งมีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย เช่น เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย กระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เสริมสรรถภาพทางเพศ เป็นต้น

ในเดือนมิถุนายน 2563 ทีมวิจัยของจากคณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกระชายขาว พบว่า ในกระชายขาว มีสารอยู่ 2 ตัว ที่มีฤทธิ์ต้านโควิด-19 สูงมาก โดยทีมวิจัยค้นพบว่ามีสารสกัดจากกระชายขาวที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ โดยสารสำคัญทั้ง 2 ตัวที่อยู่ในกระชายขาว คือ

Pandulatin A ( แพนดูราทินเอ )

Pinostrobin ( พิโนสโตรบิน )

ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองพบว่า สารสกัดทั้งสองตัวนี้ในกระชายขาว สามารถทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสต้นเหตุของโควิด-19 ได้ โดยสารทั้งสองตัวนี้สามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อจาก 100% ได้ถึง 0% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถยับยั้งเซลล์ในการผลิตไวรัสได้ถึง 100% อีกด้วย


รับประทานกระชายขาวอย่างไร ? ถึงจะช่วยป้องกันโควิด-19

สืบเนื่องจากข้อมูลงานวิจัยข้างต้น หากจะใช้กระชายขาวเพื่อต้านโรคโควิด-19 ให้ได้ผลตามการวิจัยจึงควรจะต้องใช้ในรูปแบบของ “สารสกัดจากกระชาย” เพื่อกำหนดปริมาณสารสำคัญที่จะออกฤทธิ์ได้แน่นอน และสามารถควบคุมปริมาณในการรับประทานให้เหมาะสม ทำให้ไม่ต้องรับประทานมากเกินไป ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัยในสัตว์ และในคนตามลำดับ

ในสถานการณ์ปัจจุบันมีความสนใจนำกระชายมาใช้เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อป้องกันโควิด-19 กันอย่างแพร่หลาย จึงขอฝากคำแนะนำในการรับประทานกระชายอย่างเหมาะสม ดังนี้

- น้ำกระชายที่ดี ควรต้มเป็นน้ำดื่มจะดีกว่าปั่น หรือ คั้นสด

- กระชายปั่น ไม่ควรดื่มมากเกินไป( ดื่มวันละไม่เกิน 1 แก้วเป๊ก )โดยผสมน้ำผึ้ง มะนาว

- กระชาย ไม่ควรดื่มติดต่อกันทุกวันเป็นเวลานานๆ (ดื่ม 5 วัน แล้วหยุด 2-3)

- หรือเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกระชายขาวสกัดชนิดเม็ดแทน


ข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับประทานกระชายขาว

1. ไม่ควรรับประทานกระชายดิบ ปั่นหรือคั้นสด เพราะถึงแม้กระชายจะมีสารต้านโควิด-19 แต่อาจจะมีสารบางชนิด ที่ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อร่างกายได้ การนำมาต้มจึงเป็นการช่วยทำลายสารพิษบางชนิดที่มีในกระชายได้ระดับนึง

2. มีการศึกษาวิจัยพบว่า กระชายจะออกฤทธิ์ได้ดี จากสารสกัด ดังนั้น การนำกระชายมาต้มน้ำดื่ม จึงการสกัดอย่างง่ายอีกวิธีนึง (แต่จะยังไม่ได้สารสำคัญเทียบเท่าการสกัดในการวิจัย)

ข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับประทานกระชายขาว

1. ไม่แนะนำในเด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

2. เนื่องจากมีความเป็นสมุนไพร จึงควรระวังและควรปรึกษาแพทย์ในผู้ที่ตับอักเสบมาก คือ มีค่าการทำงานของตับ เอนไซม์ SGOT SGPT มากกว่า 40 IU

3. ควรระวัง และควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือเกล็ดเลือด และผู้ที่มีโรคเกล็ดเลือดต่ำ




กระชายสกัด: กระชายขาว สมุนไพรสร้างภูมิคุ้มกัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

4
โพสฟรี ขายในไทย ทุกหมวดหมู่ / อาการโรคไต มีอะไรบ้าง?
« เมื่อ: วันที่ 15 พฤษภาคม 2024, 21:24:37 น. »
จากสถิติล่าสุดมีคนไทยเป็นโรคไต เกือบ 8 ล้านคน เท่ากับ ในคนไทย 8 คนพบป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง 1 คน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรัง สาเหตุส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เกิดจากเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งมีสถิติผู้ป่วยรวมเกือบ 15 ล้านคน ผลที่ตามมาคือมีภาวะไตเสื่อมและไตเสื่อมเร็วขึ้น หากปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง และเป็นผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย 2 แสนคน ป่วยเพิ่มปีละกว่า 7,800 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงมาก

แล้วอาการของโรคไตมีอะไรบ้าง รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขมสรุปเป็นหัวข้อง่าย ๆ เพื่อให้ทุกคนสังเกตอาการกันได้อย่างถูกต้อง

อาการของโรคไต

เนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองให้กลับมาสมบูรณ์ได้ การเกิดความผิดปกติกับไตจึงเป็นเรื่องอันตราย โดยในช่วงแรกผู้ป่วยโรคไตแทบจะไม่มีสัญญาณของโรคร้ายนี้เลย แต่อาการจะปรากฏออกมาในระยะท้าย ๆ ที่ไตได้รับความเสียหายไปมากแล้ว จนในระดับสูงสุดอาจเกิดอาการไตวาย และเสียชีวิตได้ อาการของผู้ป่วยโรคไตที่ปรากฏมีดังนี้

    อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย
    มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ
    ปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีกลิ่นผิดปกติ มีสีผิดปกติ เป็นต้น
    ปวดศีรษะ
    คลื่นไส้ อาเจียน
    มีอาการเบื่ออาหาร
    ตัวบวม หรือเท้าบวมเนื่องจากมีน้ำและเกลือในร่างกายปริมาณมาก หรือความสมดุลระหว่างน้ำและเกลือแร่ในร่างกายเสียไป ขอสังเกตคือบวมจนกดแล้วเนื้อบุ๋ม หรืออาจจะบวมที่หนังตา
    น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว
    อาจจะมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น หมดสติ เป็นลม
    ปวดหลัง ปวดบั้นเอว
    ถ้าไตเสื่อมจนถึงการผลิตฮอร์โมนแย่ลง อาจเกิดภาวะซีด


โรคไตแบ่งออกเป็นกี่ระยะ มีอะไรบ้าง

โรคไตวายจะแบ่งหลัก ๆ ออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. โรคไตวายเฉียบพลัน จะเป็นขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะเวลา 3 เดือน เช่น เสียเลือดมาก ได้รับสารพิษ หรือได้รับยาบางชนิด หากเป็นไตวายแบบเฉียบพลัน ยังมีโอกาสที่ไตจะสามารถฟื้นกลับมาเป็นปกติได้
2. โรคไตวายเรื้อรัง ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจาก โรคเบาหวาน ความดัน หรือเกิดจากโรคไตวายเฉียบพลันแต่ไม่สามารถฟื้นกลับมาเป็นปกติได้ใน 3 เดือน ก็จะทำให้เข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 5 ระยะ

    ระยะที่ 1 เป็นระยะที่ไตเริ่มเสื่อม (มีโปรตีนในปัสสาวะ) ค่าการทำงานของไต หรือ ค่า GFR ปกติ ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 90 หรือมากกว่า
    ระยะที่ 2 ไตเสื่อม ค่าการทำงานของไต หรือ ค่า GFR ลดลงเล็กน้อย ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 60-89
    ระยะที่ 3  ค่าการทำงานของไต หรือ ค่า GFR ลดลงปานกลางซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 30-59
    ระยะที่ 4 ค่าการทำงานของไต หรือ ค่า GFR ลดลงมาก ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ  15-29
    ระยะที่ 5 เข้าสู่ภาวะไตวาย ค่าการทำงานของไต หรือ ค่า GFR น้อยกว่า 15

ค่าการทำงานของไตจะบ่งบอกให้แพทย์ทราบได้ว่าไตทำงานได้มากน้อยเพียงใด เมื่ออาการโรคไตยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ค่าการทำงานของไต GFR ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน

ซึ่งการที่จะรู้ว่าผู้ป่วยมีอาการโรคไตเรื้อรังระยะไหน ต้องทำการตรวจคัดกรองโรคไต โดยแพทย์จะทำการตรวจที่เฉพาะเจาะจงเพิ่มขึ้นเพื่อวางแผนการรักษา โดยจะตรวจดังต่อไปนี้

    ตรวจปัสสาวะ เพื่อทดสอบระดับอัลบูมินในปัสสาวะ รวมถึงตรวจความผิดปกติของปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะน้อยลง ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นฟอง
    การตรวจเลือด เพื่อหาค่า Creatinine เพื่อคำนวณค่าการทำงานของไต ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการบ่งบอกว่าไตยังทำงานได้มากน้อยเพียงใด เพื่อให้แพทย์ทราบได้ถึงระยะของโรคไตและช่วยในการวางแผนการรักษา
    ตรวจหาแร่ธาตุและสารละลายในเลือด
    ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เนื่องจากผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมจะมีภาวะโลหิตจาง
    ตรวจหาค่าน้ำตาลสะสม เนื่องจากสาเหตุสำคัญอีกประการที่ทำให้ไตเสื่อม คือเบาหวาน
    ทำการตรวจอัลตราซาวนด์หรือ CT Scan เพื่อถ่ายภาพไตและทางเดินปัสสาวะ เพื่อพิจารณาขนาดของไต ตรวจหาก้อนนิ่วหรือเนื้องอก และดูว่ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับโครงสร้างของไตและทางเดินปัสสาวะหรือไม่
    การตัดชิ้นเนื้อไตส่งตรวจ ซึ่งจะทำในบางกรณีเท่านั้นในการตรวจดูประเภทของโรคไตที่เฉพาะเจาะจง ดูว่าไตถูกทำลายไปมากน้อยเพียงใดและช่วยในการวางแผนการรักษา ในการตัดชิ้นเนื้อนั้น แพทย์จะนำเนื้อเยื่อเล็กๆ ของไตส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์



อาการโรคไต มีอะไรบ้าง? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/298

5
ยามาฮ่า Yamaha PG-1 Dusty Tracker ปี 2024
YAMAHA PG-1Limited Edition คอนเซ็ปต์ Dusty Tracker ที่ตกแต่งมาจากโรงงาน ให้ได้เลือกตามสไตล์ที่ชอบ มาพร้อมของแต่งตลอดทั้งคัน เริ่มจากด้านหน้าทำการติดตั้งชิลด์แต่งลายเบอร์ 55 พร้อมขายึด ชุดควบคุมเสริมการ์ดแฮนด์อะลูมิเนียมโดยมีขายึดเข้ากับแฮนด์บาร์ และอีกจุดยึดเข้ากับปลายแฮนด์ ทั้งด้านซ้าย-ขวา บังโคลนหน้ายกสูงขึ้นด้วยขายึดอะลูมิเนียม เข้ากับแกนโช้คหน้า ด้านข้างคอนโซลแต่งลายหมากรุกเพิ่มความซิ่งแนวเรโทร ใกล้กันในส่วนท้ายตัวรถทั้ง 2 ข้าง ทำการเสริมแผ่นป้ายเพลตทรงกลมพร้อมสติกเกอร์เบอร์ 55 แบบลวดลายเดียวกับชิลด์แต่งด้านหน้า ไล่ลงมาที่ด้านล่าง ในส่วนของเครื่องยนต์เสริมบาร์ค้ำกันกระแทก พร้อมแผ่นกันกระแทกอะลูมิเนียมด้านล่างเครื่องยนต์ นอกจากความสวยงามแล้วยังช่วยป้องกันคอท่อได้อีกด้วย ปิดท้ายที่ฝาครอบท่อสีเงินเจาะลายรูปแบบใหม่ ให้เข้ากับอะไหล่แต่งอื่นๆ รอบคัน ซื้อวันนี้รับฟรี! ชุดโต๊ะ และเก้าอี้จาก Coleman มูลค่า 1,800 บาท (จำนวนจำกัด 100 คัน แรกเท่านั้น)

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                    Yamaha
   รุ่น                         ยามาฮ่า Yamaha PG-1 Dusty Tracker ปี 2024
   ประเภทรถ                รถครอบครัวอื่นๆ
   ปีที่เปิดตัว                 2024
   ราคา                     73,500 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์               เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์                 4 สปีดแบบเฟืองขบกันตลอดเวลา
   รายละเอียดเครื่องยนต์   กระบอกสูบเดี่ยว SOHC 2 วาล์ว
   ระบบระบายความร้อน     อากาศ
   ระบบสตาร์ท               สตาร์ทเท้าพร้อมไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)  114 CC
   แบบเครื่องยนต์           4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด             TCI
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง   เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ E20, เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน            หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)   5.1 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน          ล้อหน้า เทเลสโคปิก, ล้อหลัง สวิงอาร์ม (แขนยึดโช้คอัพหลัง)
   ระบบเบรค                  ล้อหน้า ดิสก์เบรก (เดี่ยว), ล้อหลัง ดรัมเบรก ()
   แบบวงล้อ                  ซี่ลวด
   ขนาดยาง                        ล้อหน้า 16 x 2.15 นิ้ว, ล้อหลัง 16 x 2.15 นิ้ว
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)   1,980 x 805 x 1,050 มม.
   น้ำหนักตัวรถ                      107.00 กก.

มอเตอร์ไซด์ใหม่: ยามาฮ่า Yamaha PG-1 Dusty Tracker ปี 2024 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/motorcycle/

6
คุณรู้ไหมว่า การเลือกรายการเมนูอาหารที่สมบูรณ์ สามารถช่วยให้คนทานรู้สึกถึงความกลมกล่อมขอรสชาติอาหารได้ ในความเป็นจริงปัจจุบัน คนเลือกทานอาหารที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น มีความต้องการมากยิ่งขึ้นและเราจะทำยังไงให้ “การจัดเลี้ยง” ของเรา เป็นที่จดจำและโดดเด่น

ขอเสนอและแบ่งปัน คือลูกค้าสามารถเลือกรายการอาหารจาก วิธีการปรุงได้ ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ทอด นึ่ง ปิ้ง ย่าง ผัด อบ หรือยำ ซึ่งวิธีการปรุงเหล่านี้ จะช่วยให้อาหารที่เลือกคละรสชาติ หลากหลายภาพลักษณ์ หลากหลายวัตถุดิบ และเมนูแต่ละจานมีจุดน่าสนใจหรือจุดเด่นต่างกันออกไป องค์ประกอบรวมเหล่านี้จะช่วยดึงความกลมกล่อมของมื้ออาหาร และเป็นที่น่าจดจำได้

เมนูอาหารที่หลากหลายกว่า 150 เมนู ทั้งอาหารไทย และอาหารต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลี ฝรั่ง อิตาลี จีน และวิธีการปรุงของเราก็หลากหลายเช่นเดียวกัน ทั้ง ต้ม ทอด นึ่ง ปิ้ง ย่าง ผัด อบ และ ยำ สิ่งเหล่านี้ทำให้ การจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ของ ฮักแคทเทอริ่ง เป็นที่จดจำและสร้างความสมบูรณ์ของการจัดเลี้ยงได้เป็นอย่างดี

ลูกค้าสามารถเลือกวิธีการจัดเลี้ยงได้หลากหลายรูปแบบเช่นกัน บุฟเฟ่ต์ อาหารชุด ค๊อกเทล ซุ้มอาหาร อาหารว่าง คอฟฟี่เบรก ข้าวกล่อง และ individual serve ซึ่งเรารองรับทั้ง งานบุญ งานเลี้ยงพระ งานบวช งานแต่งงาน งานเลี้ยงต้อนรับ งานเลี้ยงส่ง งานวันเกิด งานเลี้ยงพนักงาน งานเลี้ยงลูกค้า และงานเลี้ยงสังสรรค์ทุกประเภท



สิ่งที่ควรรู้ก่อนจัดงานเลี้ยง

อาหารมงคลสำหรับเลี้ยงพระ และแขก

- วัตถุดิบที่เป็นเส้น หมายถึง ความยืดยาวของเส้นบ่งบอกถึงอายุยืนยาว ธุรกิจที่่ยั่งยืน เช่นผัดหมี่กะเฉด, ผัดหมี่ซั่ว เป็นต้น

- วัตถุดิบที่เป็นปลา หมายถึง ตัวแทนของความเจริญ งอกเงย เติบโต และรุ่งเรือง เช่น ปลาหิมะย่าง, ปลากะพงนึ่งมะนาว เป็นต้น

- วัตถุดิบที่เป็นหมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ เช่น หัวหมูพะโล้, หมูย่าง, ซี่โครงหมู เป็นต้น

- วัตถุดิบที่เป็นเป็ด หมายถึง สิ่งที่บริสุทธิ์ สะอาด มีความสามารถที่หลากหลาย เช่น เป็ดผัดกะเพรา เป็ดปักกิ่ง เป็นต้น

- วัตถุดิบที่เป็นไก่ หมายถึง ความสง่างาม ยศฐาบันดาศักดิ์และความก้าวหน้า เช่น ไก่นานึ่งซีอิ๊ไก่นาทอดโรยเกลือ เป็นต้น

- ขนมหวาน 3, 5, 9 อย่างที่เป็นมงคล เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง จ่ามงกุฎ เป็นต้น


• จำนวนพระที่นิมนต์มาทำพิธีเพื่อเป็นสิริมงคล ควรนิมนต์ 5, 7 หรือ 9 รูป
• คติความเชื่อของคนโบราณ

เราควรทำความสะอาดบ้าน บริษัท หรือโรงงาน ก่อนวันทำบุญเลี้ยงพระ 3 วันที่จะเป็นวันเจริญดี คือ วันจันทร์ วันพุธ และพฤหัสบดี ถ้าวันอื่นอาจเสียทรัพย์ได้

• ตามตำราไทย

คือให้ ขึ้นบ้านใหม่ ออฟฟิตใหม่ ธุรกิจใหม่ ในวันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ จะดีมาก

• เรื่องของทิศก็สำคัญ การตั้งพระหันไปในทิศที่ดี คือ

- ทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) ผู้ใหญ่มักให้ลาภ
- ทิศพายับ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) สุขสบายมีลาภ
- ทิศอุดร (เหนือ) จะมีมิตรมาก รักกันดี
- ทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) ข้าวของอุดมสมบูรณ์

• พระสงฆ์จะนั่งวนไปทางซ้ายของพระพุทธรูป (ขวาของเรา)





เลือกอาหารจัดเลี้ยง จัดเลี้ยงนอกสถานที่ ยังไง ให้กลมกล่อมและสมบูรณ์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

7
ทันตกรรมเด็ก ขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ น้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็ก หลายคนภายหลังจากทำความสะอาดช่องปากและฟัน ก็ใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อให้การทำความสะอาดช่องปากและฟันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งน้ำยาบ้วนปาก เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมใช้เพื่อรักษาสุขภาพในช่องปาก โดยเชื่อว่าจะสามารถดับกลิ่นปาก รักษาสุขภาพฟันและเหงือกได้ จึงถูกนำมาใช้เป็นตัวช่วยเพื่อขจัดสิ่งสกปรกในส่วนที่การแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันนั้นทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง


หลายคนเชื่อว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากจำเป็นต้องทำก่อนหรือหลังการแปรงฟันทุกครั้ง ในขณะที่อีกหลายคนไม่เคยใช้น้ำยาบ้วนปากเลย ซึ่งการใช้น้ำยาบ้วนปากก็มีประโยชน์มาก นอกจากจะสามารถระงับกลิ่นปากได้แล้ว น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมพิเศษบางอย่าง ยังอาจช่วยดูแลปัญหาสุขภาพในช่องปากอื่น ๆ ได้อีกเช่น ทำให้เรามีฟันที่ขาวขึ้น ลดปัญหาการเกิดฟันผุ ลดการเกิดคราบจุลินทรีย์และโรคเหงือกอักเสบบรรเทาอาการปวดเฉพาะจุดในช่องปาก และยังช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ จากภาวะปากแห้งเนื่องจากน้ำลายน้อยได้อีกด้วย

พ่อแม่หลายคนเกิดความสงสัยว่า น้ำยาบ้วนปากนั้น แท้จริงมีความจำเป็นกับสุขภาพฟันของเด็กมากน้อยแค่ไหน จริงๆแล้วน้ำยาบ้วนปาก ไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เพราะเด็กอาจจะกลืนเข้าไปและเกิดอาการ คลื่นไส้ อาเจียน หรือเกิดการเป็นพิษขึ้น โดยเฉพาะหากเด็กกลืนน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงมากๆ เด็กอาจมีอาการล้มฟุบลงไปและไม่ตอบสนองได้ และเพื่อป้องกันเด็กเล็กกินน้ำยาบ้วนปากจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พ่อแม่ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีฝาป้องกันเด็กเปิด เด็กเล็กสามารถหัดให้ใช้น้ำยาบ้วนปากได้ ก็ต่อเมื่อเด็กรู้จักการบ้วนออกมา ทางที่ดีควรรับคำแนะนำจากแพทย์ รวมไปถึงอ่านข้อควรระวังและคำแนะนำของน้ำยาบ้วนปากให้ชัดเจน แต่ดดยส่วนใหญ่น้ำยาบ้วนปากของเด็กมักจะใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ โดยอาจให้เด็กใช้ในกรณีที่ลูกฝันผุมากๆ สามารถใช้ได้เป็นครั้งคราว และควรใช้เมื่อมีข้อบ่งชี้เท่านั้น ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ถ้าสุขภาพช่องปากดีอยู่แล้วก็ไม่ควรใช้ เพราะป้องกันปัญหาอื่นๆที่จะตามมาได้


อย่างไรก็ตาม ทันตกรรมเด็ก กับ น้ำยาบ้วนปากก ก็จะใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกบริเวณที่การแปรงฟันหรือไหมขัดฟันเข้าไม่ถึง แต่ไม่สามารถนำมาใช้เพื่อรักษาสุขภาพช่องปากและฟันเป็นหลักเพียงอย่างเดียวได้ การใช้น้ำยาบ้วนปาก สามารถใช้ได้ทั้งก่อนและหลังแปรงฟัน และเวลาใช้ควรกลั้วให้ทั่วปากแล้วอมทิ้งไว้ประมาณ 30-60 วินาที ไม่ควรนานเกิน 1 นาที แต่ถ้าทิ้งไว้น้อยกว่า 30 นาทีอาจจะไม่ค่อยเกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร และไม่จำเป็นต้องบ้วนน้ำเปล่าตามหลังการใช้น้ำยาบ้วนปาก


หลายคนมีคำถามและเกิดความกังวลว่า การกลืนน้ำยาบ้วนปากมากเกินไปจะส่งผลอย่างไรบ้าง ต้องบอกเลยว่าการกลืนน้ำยาบ้วนปากจะส่งผลให้มีอาการคล้ายๆ กับการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จำนวนมากเข้าไป อาจทำให้มีอาการที่เกี่ยวกับลำไส้และท้องที่รุนแรง และยังนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของกรด-เบสในร่างกายอีกด้วย เพราะฉะนั้นควรใชอย่างระมัดระวัง หากคุณมีข้อสงสัยหรือปะญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน สามารถเข้าขอรับคำปรึกษาจากทางคลีนิกได้ ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่พร้อมจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน ทั้งยังมีการให้บริการในด้านของทันตกรรมอย่างครบวงจรอีกด้วย จึงทำให้มั่นใจได้ว่าจะทำให้คุณมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน



จัดฟันบางนา: ทันตกรรมเด็ก น่ารู้ น้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็ก จำเป็นหรือไม่ ? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

8
หนึ่งในไฮไลท์จากบูธมิตซูบิชิในงาน BIG Motor Sale 2019 จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากรถกระบะ Mitsubishi Triton ตัวเตี้ยหน้าใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวเผยโฉมกันไปไม่นานนี้ ซึ่งในงานครั้งนี้เองก็ได้มีการอวดโฉมคันตกแต่งจัดเต็มรอบคันทั้งภายนอกและภายในกับรุ่น รุ่น Mega Cab


สำหรับรถกระบะ Mitsubishi Triton ตัวเตี้ยหน้าใหม่แต่งเต็มรอบคันนี้ เด่นมาด้วยชุดกันชนหน้าแท้จากมิตซูบิชิ ราคา 5,500 บาท เสริมความบึกบึนด้วยชุดวายบอดี้จาก Garage Unique ที่มากับโป่งล้อหน้าและหลัง ราคา 39,999 บาท ฝากระโปรงหน้าคาร์บอน ราคา 16,000 บาท ตกแต่งรอบคันด้วยสติ๊กเกอร์ โหดดุดันด้วยล้อขนาดใหญ่ 18 นิ้ว จาก LENSO ราคา 28,950 บาท รัดด้วยยาง Project D D-One ขนาด 255/50 R18 ราคาเส้นละ 4,800 บาท


ส่วนภายในของกระบะใหม่แต่งคันนี้ติดตั้งชุดเบาะซิ่งจาก Recaro ที่มีราคาคู่ละ 69,800 บาท พวงมาลัยซิ่ง MOMO ราคา 12,000 บาท แต่งหัวเกียร์จาก Sparco ราคา 2,000 บาท รวมไปถึงแป้นเหยียบ 2,500 บาท ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่ารวบรวมของแต่งจากหลากสำนักมาแต่งไว้ในรถกระบะคันนี้ โดยในงานนี้ก็ได้รับความสนใจไม่น้อยจากสายรถกระบะ เรียกได้ว่าความโดดเด่นนั้นชวนให้ต้องเข้าไปยลโฉมกันใกล้ๆ เลยทีเดียว


ส่วนขุมกำลังเดิมๆ นั้นมากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4D56 ขนาด 2.5 ลิตร รีดกำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด สนนราคารถ ในรุ่น Mega Cab มีดังนี้


- รุ่น Mega Cab 2.5 GL M/T ราคา 602,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 23,000 บาท)

- รุ่น Mega Cab 2.5 GLX M/T ราคา 632,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 11,000 บาท)



ออล นิว ไทรทัน: Mitsubishi Triton รถกระบะตัวเตี้ยหน้าใหม่ แต่งซิ่งจัดเต็ม!! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

9
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นกิจกรรมที่อยู่ในวัฒนธรรมของคนทั่วโลก ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์เพื่อการสังสรรค์ สร้างความผ่อนคลาย หรือปลอบประโลมจิตใจ แน่นอนว่าการดื่มแอลกอฮอล์จะกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกและเพิ่มความสนุกในการสนทนา แต่การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะส่งผลให้มึนเมา สูญเสียการทรงตัว และคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งในบางคนอาจมีอาการหลังดื่มแอลกอฮอล์แตกต่างจากคนทั่วไปได้

เราคงเคยเห็นนักดื่มหรือเพื่อนร่วมวงสังสรรค์บางคนที่หน้าแดง ตัวแดง หรือคนที่เมาอย่างหนักแม้ดื่มแอลกอฮอล์ไปเพียงนิดเดียว ซึ่งอาการเหล่านี้อาจพบได้น้อยกว่าอาการทั่วไป หลายคนจึงอาจสงสัยว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรและเป็นอันตรายหรือไม่บทความนี้มีคำตอบมาฝาก

4 อาการแปลกหลังดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจพบได้ในบางคน

ในหัวข้อนี้จะพูดถึงอาการหลังดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ ที่นอกเหนือจากอาการมึนเมาและคลื่นไส้อาเจียนที่พบได้ทั่ว โดยอาการหลังดื่มแอลกอฮอล์ที่พบได้ในบางคนอาจมีดังนี้


1. หน้าแดงหลังดื่มแอลกอฮอล์

อาการหน้าแดง ตัวแดงหลังดื่มแอลกอฮอล์เป็นอาการที่พบได้บ่อยในชาวเอเชีย รวมถึงคนไทยด้วย ในกลุ่มประเทศอื่นจึงอาจรู้จักกันในชื่อ Asian Flush อาการดังกล่าวเป็นผลมาจากภาวะไม่ทนทานต่อแอลกอฮอล์ (Alcohol Intolerance)

ภาวะนี้เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายมีปริมาณเอนไซม์แอลดีไฮด์ดีไฮโดรจีเนส 2 (Aldehyde Dehydrogenase 2: ALDH 2) น้อยหรือทำงานได้ไม่ดี ซึ่งเอนไซม์นี้มีคุณสมบัติย่อยสลายแอซีทาลดีไฮด์ (Acetaldehyde) โดยสารแอซีทาลดีไฮด์ คือ แอลกอฮอล์ที่ผ่านกลไกร่างกายเพื่อให้อยู่ในรูปที่สามารถย่อยและดูดซึมได้

เมื่อเอนไซม์ ALDH 2 น้อยหรือทำงานได้ไม่ดีจึงทำให้ร่างกายย่อยสลาย ดูดซึม และกำจัดแอซีทาลดีไฮด์ได้ไม่ดีเท่ากับคนทั่วไป เป็นผลให้เกิดความผิดปกติ เช่น หน้าแดง ตัวแดง เป็นผื่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ท้องเสีย และคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น อีกทั้งคนที่มีภาวะไม่ทนทานต่อแอลกอฮอล์อาจมีแนวโน้มที่จะเมาเร็วกว่าคนอื่นด้วย

อาการหน้าแดง ตัวแดง และอาการอื่น ๆ จากภาวะนี้มักทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นอาการแพ้แอลกอฮอล์ (Alcohol Allergy) แม้ว่าอาการขั้นแรกอาจมีลักษณะบางอย่างที่คล้ายกัน แต่ความเป็นจริงแล้วอาการแพ้แอลกอฮอล์นั้นพบได้น้อยมากและรุนแรงมากกว่าจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

ดังนั้น หากจะเรียกให้ถูกต้อง อาการหน้าแดงหลังดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่อาจมาจากภาวะไม่ทนทานต่อแอลกอฮอล์มากกว่า

ภาวะและอาการดังกล่าวอาจพบได้ทั้งระดับที่ไม่รุนแรงไปจนถึงเป็นอันตราย แต่ยังไม่มีเกณฑ์แน่ชัดว่าปัจจัยใดที่ส่งผลต่อความรุนแรงได้บ้าง ในเบื้องต้นอาจเป็นปริมาณของเครื่องดื่มที่ดื่มเข้าไปและระดับความรุนแรงของภาวะไม่ทนทานต่อแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกันไปตามพันธุกรรมของแต่ละคน

ซึ่งภาวะนี้ไม่สามารถรักษาได้ หากเกิดอาการที่ไม่รุนแรงอาจใช้ยาแก้แพ้ (Antihismines) เพื่อชะลอกลไกร่างกายในการเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นแอซีทาลดีไฮด์จึงอาจบรรเทาอาการได้เล็กน้อย แต่ทางที่ดีคือการหลีกเลี่ยงไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือดื่มในปริมาณเหมาะสม


2. ท้องเสียและปวดท้องหลังดื่มแอลกอฮอล์

ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายเป็นช่องทางที่สัมผัสกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปมากที่สุด เพราะระบบเหล่านี้ทำหน้าที่ย่อยสารเคมีในเครื่องดื่ม และขับออก โดยปกติ ร่างกายจะมองว่าแอลกอฮอล์เป็นอันตรายต่อร่างกาย ร่างกายจึงพยายามที่ขับสิ่งเหล่านี้ออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด

ด้วยเหตุนี้ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ลำไส้ ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายจะทำงานหนักขึ้นเพื่อขับสารเหล่านี้ออกจากร่างกายจึงผลให้ร่างกายดูดซึมน้ำและสารอาหารอื่น ๆ ได้ไม่เต็มที่ น้ำและของเหลวที่ดื่มเข้าไปจึงถูกขับออกไปพร้อมกับสารเคมี ทำให้หลังจากดื่มแอลกอฮอล์หลายคนจึงพบกับอาการถ่ายเหลวหรือท้องเสียตามมาได้

อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางส่วนก็ชี้ว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้เช่นกัน

แอลกอฮอล์ส่งผลให้กระเพาะอาหารและลำไส้ระคายเคืองจึงอาจเกิดอาการปวดท้องหรือแสบท้องได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการท้องเสียอยู่ก่อน หรือเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ เช่น กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome) โรคโครห์น (Crohn’s Disease) และโรคเซลิแอค (Celiac Disease) เป็นต้น อีกทั้งผู้ที่ติดแอลกอฮอล์และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดแผลในทางเดินอาหารที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้

การรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายหลังดื่มแอลกอฮอล์ อย่างขนมปังแผ่น กล้วย ข้าวสวย และเนื้อไก่อาจช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและปวดท้อง นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงอาหารไฟเบอร์สูง อาหารไขมันสูง และอาหารรสจัดอาจลดความเสี่ยงของอาการเหล่านี้


3. อาการปวดหัวหลังดื่มแอลกอฮอล์

เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย เลือดที่สูบฉีดจะนำเอทานอล (Ethanol) ในแอลกอฮอล์ไปยังสมองและอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ทำให้ระบบประสาททำงานต่างไปจากเดิม จึงส่งผลให้เกิดความรู้สึกมึนเมา เวียนหัว และปวดหัวได้ สำหรับคนที่มีอาการไมเกรน (Migraine) การดื่มแอลกอฮอล์อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวชนิดดังกล่าวขึ้นภายในเวลาไม่นานหรือกระตุ้นให้อาการรุนแรงขึ้นแม้ดื่มในปริมาณเล็กน้อย

นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์ยังส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะจากระบบขับถ่ายที่ทำงานมากขึ้นหรือการอาเจียน เมื่อร่างกายสูญเสียของเหลวปริมาณมากจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวในเช้าวันถัดไป อาการนี้รู้จักกันในชื่อเมาค้างหรือแฮงค์ (Hangover) นั่นเอง

เพื่อป้องกันอาการปวดหัวหลังดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจากอาการไมเกรนหรือการขาดน้ำ ควรดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงอาการดังกล่าว รวมถึงจิบน้ำบ่อย ๆ หลังดื่มแอลกอฮอล์เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไป


4. ปวดตัวหลังดื่มแอลกอฮอล์

บางคนอาจพบอาการปวดกล้ามเนื้อหรือปวดตามข้อต่อหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์มีสารพิวรีน (Purine) เป็นส่วนประกอบในปริมาณสูง เมื่อสารนี้เข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนกรดยูริก (Uric Acid) และส่งไปทั่วร่างกาย ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ เมื่ออักเสบเรื้อรังก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคเก๊าต์ได้ และหากร่างกายอักเสบอยู่ก่อนแล้วก็อาจทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้น

อาการปวดหรือเมื่อยกล้ามเนื้อหลังดื่มแอลกอฮอล์อาจมาจากปริมาณของกรดแลกติก (Lactic Acid) ในกล้ามเนื้อที่เพิ่มสูงขึ้น เดิมทีกล้ามเนื้อคนเรามีกรดแลกติกในปริมาณเล็กน้อยและจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้งาน

กรดแลกติกที่เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เราปวดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย ภายหลังออกกำลังกายร่างกายก็จะกำจัดกรดแลกติกออกทำให้อาการปวดลดลง ซึ่งแอลกอฮอล์จะเข้าไปเพิ่มปริมาณกรดแลกติกสะสมในร่างกายมากขึ้นจนทำให้รู้สึกปวดกล้ามเนื้อได้

เพื่อลดอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อหลังดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มในปริมาณที่เล็กน้อย ดื่มน้ำเพื่อกำจัดแอลกอฮอล์และเร่งการสลายตัวของกรดแลกติกในกล้ามเนื้อ แต่ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

อาการเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาการที่อาจพบได้หลังดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่อาจเกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกันตามพันธุกรรมและปัญหาสุขภาพ แต่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากหรือดื่มบ่อยจนเกินไปก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของความผิดปกติเหล่านี้

รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง อย่างโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคตับ โรคสมอง โรคความผิดปกติทางอารมณ์ และโรคมะเร็ง อีกทั้งทำให้ขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ และความมึนเมาอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ สูญเสียทรัพย์สิน เกิดการบาดเจ็บและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาชญากรรมได้


อาการหลังดื่มแอลกอฮอล์แบบไหน ควรไปพบแพทย์?

หลังดื่มแอลกอฮอล์ หากพบอาการผิดปกติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรืออาการดูรุนแรง เช่น รู้สึกสับสน ชัก หายใจช้า ตัวซีด ผิวหนังดูคล้ำขึ้น ตัวเย็น หรือหมดสติ ควรพาไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ (Alcohol Toxicity) ที่ทำให้โคม่าและเสียชีวิตได้

นอกจากนี้หากพบอาการแพ้แอลกอฮอล์ เช่น เป็นลมพิษรุนแรง ตาแดง ผิวหนังบวม หน้าบวม ปากและคอบวม หายใจไม่ออก และเป็นลม ควรพาผู้ที่มีอาการไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาการแพ้รุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน

แม้ว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางส่วนจะชี้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสมอาจส่งผลดีต่อสุขภาพแต่ก็ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัด ในทางกลับกัน ผลเสียจากการดื่มแอลกอฮอล์นั้นได้รับการพิสูจน์ ยืนยัน และยอมรับกันอย่างกว้างขวาง

ด้วยเหตุนี้เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพ อุบัติเหตุ และอาชญากรรม ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือดื่มในปริมาณที่เหมาะสม และไม่ดื่มบ่อยจนเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวและผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด



ยาแก้เมาเหล้า: อาการแปลกหลังดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจพบได้ในบางคน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

10
เมื่อมองหา รถกระบะรับจ้างขนย้ายสินค้า หรือรถกระบะรับจ้างขนของ ที่ให้บริการขนย้ายตลอด24ชั่วโมง และต้องการขนย้ายสินค้าพวกของใช้ในบ้าน ย้ายบ้าน ไม่ว่าจะเป็นย้ายตู้เสื้อผ้า ย้ายตู้เย็นและของใช้ทั่วไป สามารถใส่รถกระบะรับจ้างหมดไหมและพร้อมให้บริการแบบด่วนด้วยรถรับจ้างขนของ

ขนาดของกระบะรับจ้างขนของ หรือรถกระบะรับจ้างขนย้ายสินค้านั้น จะมีขนาดดังนี้
ความกว้าง 1 เมตร50เซนติเมตร
ความยาว 2 เมตร
ความสูง 2 เมตร 10 เซนติเมตร
ดังนั้นถ้าจะขนย้ายของเช่นเหล็กยาว 3เมตร จำนวน 20เส้น ก็สามารถใช้รถกระบะรับจ้างขนของ หรือขนย้ายได้ เพราะสามารถเปิดท้ายได้ก็จะยาว โดยประมาณ 2เมตร 50เซ็น ส่วนเกิน 30เซ็นก็สามารถขนย้ายได้ นั่นเองค่ะ เหมาะกับการขนย้ายไม้แบบ ขนย้ายนั่งร้าน4-6ชุด ขนย้ายแบบเหล็ก ขนย้ายต้นไม้ นั่นเองค่ะ

สุดยอดรถกระบะรับจ้างขนของ

รถกระบะรับจ้างขนย้ายสินค้า ส่วนต่อมาคือการขนย้ายบ้าน ถ้าต้องการจะขนย้ายตู้เสื้อผ้า ความสูง 1.80เมตร สามารถใส่ได้หรือไม่ คำตอบนั่นก็คือสามารถใส่ได้นั่นเองค่ะ เพราะความสูง กระบะตู้ทึบสูง 2.10เมตร เหลือแน่นอนค่ะ

ขอราคารถกระบะรับจ้าง ขนย้ายตู้แช่ จะขนย้ายได้ไหม ตู้แช่แบบ 2ประตู ต้องบอกก่อนเลยว่า ตู้แช่ถ้าวัดจากล้อถึงด้านบน ความสูงจะ2.10เมตร ซึ่งไม่สามารถใส่รถกระบะตู้ทึบได้ค่ะ ต้องใช้รถกระบะคอกรับจ้าง ที่มีลักษณะเป็นแผงกั้นด้านข้างและความยาวสูง 1.80เมตร ส่วนโครงตรงกลางจะไม่มีปล่อยโล่งเลยค่ะ ตู้แช่จะเหมาะกับรถกระบะคอกรับจ้างค่ะ อยากที่จะขนย้าย รถพ่วงข้าง หรือรถซาเล้งเพราะเนื่องจากรถเสีย หรือต้องการขนย้ายไปยังสถานที่อื่น สามารถ

กระบะรับจ้างขนของได้นะค่ะ จะขนย้ายที่นอนขนาด3.5ฟุตและ6ฟุตใช้ รถกระบะตู้ขนย้ายได้ฟูไม่งอ ไม่หัก ถือว่าตอบโจทย์สำหรับการขนย้ายนั่นเองค่ะไม่ว่าจะขนย้ายสินค้าประเภทไหนก็ตาม หากลูกค้าเกิดความลังเลใจ ว่าสินค้าแต่ละชิ้นนั้นใส่รถพอไหมต้องใช้รถอะไรสามารถแจ้งพนักงานเพื่อประเมินการขนย้ายหรือช่วยกันวางแผนเพื่อให้งานออกมาตอบโจทย์ สำหรับการขนย้ายสินค้าของลูกค้าได้ดีค่ะ

บริการรับจ้างขนย้ายโซฟา ขนย้ายโต๊ะทำงาน ขนย้ายเครื่องจักรเย็บผ้า ขนย้ายรถมอเตอร์เวฟ125 หรือขนย้ายห้อง ขนย้ายคอนโด ทางเรารับบริการขนย้ายสินค้าทุกชนิด เมื่อลูกค้ามีความไว้วางใจใช้บริการรถขนของ รถรับจ้าง รถย้ายคอนโดของเรา เราทีมงานคุณภาพบริการแบบมืออาชีพ และเจ้าเก่าที่ให้บริการมานาน 10ปี ลูกค้าเก่าเคยใช้บริการแล้วก็กลับมาใช้ซ้ำเพราะเราให้ใจในการให้บริการและการบริการที่ดี มีความเสมอต้นเสมอปลาย ความจริงใจ และได้รับเสียงตอบรับที่ดี

จึงทำให้ทีมงานของเรามีแรงผลักดันที่จะพัฒนาปรับเปลี่ยนวิธีการและรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น เพราะการบริการไม่เคยรอใคร เราจึงต้องรวดเร็วในการให้บริการเพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจเราเปิดให้บริการ รถกระบะรับจ้างขนย้ายสินค้า ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดต้องการย้ายของด่วน แบบกะทันหัน เราก็พร้อมที่จะรับสินค้าของลูกค้าไม่ว่าจะอยู่ที่เขต กรุงเทพ ปริมณฑล เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ ภูเก็ต สงขลา กระบี่ พังงา

จังหวัดสุราษฎร์ธานี หิวหิน อยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี หรือจังหวัดไหนๆก็ตามเราพร้อมบริการรับขนย้ายของทุกชนิด ขนย้ายทั่วไทย ด้วยรถรับจ้างขนของแบบครบวงจรบริการรถกระบะรับจ้างรถรับจ้างออนไลน์สายตรง ไม่ผ่านนายหน้าเจ้าของวิ่งเองแม่นยำทุกเส้นในการขนย้ายไม่ว่าจะขนย้ายเหนือ ใต้ กลาง อิสาน เราไปทุกที่ๆ ลูกค้าว่าจ้างเรา หรือต้องการพนักงานยกของ เราพร้อมมีคนยกของ คนแพ็กของโดยที่ลูกค้าไม่ต้องยกเลยนะค่ะ

เพราะทุกอย่างคือหน้าที่ของเรา รถกระบะรับจ้างขนย้ายสินค้า ถ้าของชิ้นไหนจำเป็นที่จะต้องถอดประกอบเช่น ขนเตียงนอนให้แจ้งทีมงานมานะค่ะ จะได้เตรียมเครื่องมือ ที่สามารถเอื้ออำนวยความสะดวกแก่การขนย้ายได้ดี และงานก็จะสำเร็จลุล่วงโดยเร็ว บริการรถกระบะขนย้ายบ้าน รถย้ายของ รถรับสิ่งสินค้า รถขนของ รถกระบะรับจ้างขนย้ายสินค้า หรือรถรับจ้างขนของทั่วไป ขนย้ายทั่วไทย


รถกระบะรับจ้างขนย้ายสินค้า ขนาดไม่เกินเท่าไหร่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-pickup.com/

11
ช่างซ่อมประปา ตัวช่วยสำคัญเมื่อเกิดปัญหาก็อกน้ำไม่ไหลหรือระบบท่อประปาแตก อุดตัน ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับระบบประปา หรือน้ำ ถือเป็นระบบสาธารณูปโภคที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่น้อย

มาดูกันว่าปัญหาเกี่ยวกับระบบประปาแบบไหนที่เราแก้ไขเองได้ แล้วแบบไหนที่ต้องเรียกช่างซ่อมประปามาจัดการ และถ้าหากต้องเรียกช่างมาช่วยซ่อม จะเลือกหรือติดต่ออย่างไร เพื่อให้ได้ช่างที่ดีและจบงานได้สมบูรณ์


ก่อนถึงมือช่างซ่อมประปา ปัญหาประปาที่แก้เองได้มีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว ปัญหาระบบประปาในบ้านมีทั้งที่แก้ไขได้และต้องเรียกใช้งานช่างซ่อมประปาที่ชำนาญเฉพาะทางมาช่วยจัดการ แม้ว่าการเรียกช่างประปาจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน แต่แน่นอนว่าต้องมีราคาค่าใช้จ่ายไม่น้อย ทั้งค่าแรงและค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ

ทั้งที่จริงแล้วปัญหาระบบประปาบางอย่างสามารถแก้ไขและซ่อมได้เอง โดยไม่ต้องโทรเรียกช่างซ่อมประปามาช่วย ซึ่งทำให้ประหยัดทั้งเงินและเวลาได้อย่างมาก
มาดูกันว่าปัญหาประปาที่เกิดบ่อยมีอะไรบ้าง และปัญหาแบบไหนที่เราแก้ไขได้เองทันที

1. ก็อกน้ำเสีย

อาการ น้ำหยดเหมือนปิดก็อกไม่สนิท โดยหยดอยู่ตลอดเวลา หากปล่อยไว้จะยิ่งทำให้เปลืองค่าน้ำโดยใช่เหตุ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น

– เปลี่ยนโอริงหรือยางธรรมชาติ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม เพราะสาเหตุก็อกเสียจนน้ำหยดตลอดเวลาอาจเกิดจากยางของโอริงเสื่อมสภาพ
– เปลี่ยนไส้กรอง โดยไส้กรองเดิมอาจเก่า ใช้มานาน และเกิดการอุดตันหรือตกตะกอนของสิ่งเจือปนที่มาในน้ำประปา ควรหมั่นเปลี่ยนไส้กรองทุก ๆ 2 ปี


2. ท่อแตก
อาการ ท่อแตกเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นใช้งานมานาน โดยตัวท่อที่ทำจากพลาสติกจะเกิดผุกร่อนตามกาลเวลา ส่วนท่อประปาที่ทำจากทองแดงจะเสื่อมสภาพเมื่อถูกอุณหภูมิสูง
วิธีแก้ไขเบื้องต้น

ท่อประปาแตกแม้ว่าจะมีวิธีการยุ่งยากสักนิดแต่ก็สามารถทำด้วยตัวเองได้
– วิธีการพันเทป หรือใช้ดินน้ำมันอุด เป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด แต่ส่วนใหญ่ท่อก็จะกลับมาแตกอีกครั้ง เพราะเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้แก้อย่างถาวร
– เปลี่ยนท่อถือเป็นวิธีที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด วิธีการคือซื้อข้อต่อยูเนี่ยนมาเปลี่ยน ก่อนเปลี่ยนให้ปิดวาล์วน้ำ ตัดท่อประปาส่วนที่แตกออก แล้วเปลี่ยนด้วยข้อต่อยูเนี่ยน พันด้วยเทปพันเกลียวท่อประปาการซ่อมแซมท่อประปาแตกอาศัยทักษะชำนาญ รวมทั้งการเลือกวัสดุท่อคุณภาพ จึงควรปรึกษาช่างเฉพาะทาง

3. ท่อตัน
อาการ ปัญหาอุดตันที่เกิดขึ้นทั้งกับท่อน้ำหรือชักโครกล้วนเป็นปัญหาประปาที่ชวนปวดหัวไม่น้อย ส่งผลให้ระบายน้ำเสียหรือน้ำทิ้งลงไปตามท่อไม่ได้

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

– แก้ปัญหาด้วยของที่มีอยู่ในบ้าน อาทิ ใช้เบกกิ้งโซดา, เกลือและน้ำส้มสายชู, น้ำร้อนและเกลือ หรือน้ำหมักชีวภาพเทไปในบริเวณท่อที่ตันจะช่วยขจัดสิ่งที่คงค้างอยู่ในท่อได้
– หากวิธีข้างต้นไม้ได้ผล แนะนำให้ใช้ งูเหล็ก หรือลวดยาว ๆ ช่วยเขี่ยหรือดันสิ่งที่อุดตันออกไป

เลือกช่างซ่อมประปาให้มั่นใจได้ว่าจะจบงาน

เมื่อปัญหาประปาที่เจอยุ่งยากเกินจะรับมือไหว ก็จำเป็นต้องเรียกช่างซ่อมประปาให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาแทน ถึงอย่างนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อต้องการหาช่างซ่อมประปามืออาชีพดี ๆ เข้ามาช่วยก็คือ "จะเลือกช่างซ่อมประปาอย่างไรให้มั่นใจได้ว่าจะจบงานสมบูรณ์แบบ" มาดูกันว่าวิธีเลือกช่างซ่อมประปาต้องพิจารณาอะไรบ้าง


1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ขั้นแรกควรตรวจสอบว่าช่างซ่อมประปาหรือบริษัทที่ให้บริการด้านนี้มีใบประกอบวิชาชีพถูกต้องหรือไม่ ผู้ที่จะมาดูงานให้นั้นมีความรู้และประสบการณ์โดยตรงหรือเปล่า เพราะจะช่วยทำให้เรามั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าช่างคนนั้นจะแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง


2. ดูประสบการณ์ทำงาน
อายุงานก็ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน นอกเหนือจากความรู้ภาคทฤษฎีแล้ว ควรดูด้วยว่าช่างซ่อมประปาที่เราจะว่าจ้างเคยผ่านงานมามากน้อยแค่ไหน เพราะปัญหาประปาบางอย่างก็จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพอสมควร

ที่สำคัญ การสื่อสารและปฏิบัติต่อลูกค้าก็สำคัญ หากช่างประปาสามารถตอบข้อซักถาม รวมทั้งแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย ติดตามงานจนจบ ก็ช่วยยืนยันประสบการณ์การทำงานที่มีมากมาพอสมควร


3. สอบถามราคา
ก่อนตกลงว่าจ้าง ควรถามราคาบริการให้แน่ใจและเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย โดยทั่วไปแล้ว ช่างมืออาชีพหรือบริษัทที่ให้บริการมานานจะตีราคาให้บริการอย่างละเอียด ซึ่งครอบคลุมทั้งค่าแรงและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ตามกรณีที่เรียกไปซ่อม
รวมทั้งบริการหลังการขายกรณีเกิดปัญหาตามมาภายหลัง ทั้งนี้ ไม่ควรเลือกว่าจ้างช่างหรือบริษัทที่ให้คุณจ่ายเงินค่าจ้างก่อนรับงานมาซ่อมให้โดยเด็ดขาด


4. ศึกษาเงื่อนไขรับประกัน
หากเกิดปัญหาหรือความเสียหายอื่นอันเกิดจากการซ่อมแซมประปา คุณต้องมั่นใจว่าช่างซ่อมประปาหรือบริษัทนั้นมีนโยบายชดเชยหรือรับประกันความเสียหายดังกล่าว เพราะคุณอาจต้องเสียเงินจ่ายค่าเสียหายเองกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นมาและไม่ได้สอบถามเรื่องนี้ให้เข้าใจตรงกันก่อน


5. มีเวลาการให้บริการที่ชัดเจน
เพราะเมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบต่าง ๆ ภายในบ้าน หลายคนย่อมต้องการให้ทุกอย่างดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยเร็วที่สุด คุณจึงควรสอบถามเวลาการทำงานและจบงานกับช่างประปาให้ชัดเจนก่อนเริ่มว่าจ้าง เพื่อดูว่าช้าเกินไปหรือไม่ หรือดำเนินการภายใต้เวลาที่ต้องการได้ทันที
ทั้งนี้ การพูดคุยเรื่องเวลาเข้ามาซ่อมที่ชัดเจนยังช่วยให้คุณจัดสรรตารางเวลาเข้ามาดูงานได้เป็นระบบยิ่งขึ้นด้วย ถือว่าเป็นช่วยให้ทำงานตามตารางเวลาทั้งสองฝ่าย




ซ่อมบำรุงอาคาร: วิธีเลือกช่างซ่อมประปา ผู้ช่วยสำคัญเมื่อมีปัญหาประปาในบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

12
ต้อหิน หมายถึง ภาวะที่มีความผิดปกติภายในลูกตา ทำให้ประสาทตาเสื่อม เกิดอาการตามัวตาบอดได้ ส่วนใหญ่มักพบว่ามีความดันลูกตาสูง (high intraocular pressure)*

ต้อหินเป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย และพบมากขึ้นตามอายุ พบได้ประมาณร้อยละ 3 ของผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และประมาณร้อยละ 6 ของผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ถือว่าเป็นโรคตาที่ร้ายแรงชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการตาบอดถาวร

ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ผู้ป่วยมักมีประวัติโรคต้อหินในครอบครัว นอกจากนี้ โรคนี้ยังพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด สายตายาว สายตาสั้นชนิดรุนแรง การได้รับบาดเจ็บที่ตา หรือผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ (โดยเฉพาะยาหยอดตาสเตียรอยด์) ติดต่อกันนาน ๆ

*ปกติภายในลูกตาจะมีการสร้างของเหลวหลายอย่าง ของเหลวที่สำคัญอันหนึ่งอยู่ตรงช่องว่างระหว่างกระจกตากับแก้วตา ซึ่งเรียกว่า ช่องลูกตาหน้า (anterior chamber) ของเหลวชนิดนี้มีลักษณะใส เรียกว่า น้ำเลี้ยงลูกตา (aqueous humor) ซึ่งจะไหลเวียนจากด้านหลังของม่านตา (iris) ผ่านรูม่านตา (pupil) เข้าไปในช่องลูกตาหน้า แล้วระบายออกนอกลูกตาโดยผ่านมุมแคบ ๆ ระหว่างม่านตากับกระจกตาดำเข้าไปในตะแกรงระบายเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า ท่อชเลมส์ (Schlemm’s canal) เข้าสู่หลอดเลือดดำที่อยู่นอกลูกตา

น้ำเลี้ยงในลูกตา ก่อให้เกิดแรงดันภายในลูกตา (ซึ่งช่วยพยุงรูปทรงของลูกตาให้ทำหน้าที่ได้เป็นปกติ) เรียกว่า “ความดันลูกตา (intraocular pressure/IOP)” ร้อยละ 95 ของคนทั่วไปจะมีความดันลูกตา 10-21 มม.ปรอท (เฉลี่ย 15-16 มม.ปรอท) ถ้าความดันลูกตามีค่ามากกว่า 21 มม.ปรอท ก็ถือว่าเป็นความดันลูกตาสูง

ถ้าหากการระบายของน้ำเลี้ยงลูกตาดังกล่าวเกิดการติดขัดด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็จะทำให้มีการคั่งของน้ำเลี้ยงลูกตา และทำให้ความดันภายในลูกตาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นโรคต้อหิน หากปล่อยทิ้งไว้ ขั้วประสาทตา (optic disc) ตรงส่วนหลังของจอตาถูกทำลาย ขั้วประสาทตาเป็นตัวนำกระแสประสาทการมองเห็นไปสู่สมอง ซึ่งเมื่อขั้วประสาทตาถูกทำลายจะทำให้สูญเสียลานสายตาลงทีละน้อย จนกลายเป็นตาบอดอย่างถาวรในที่สุด

แม้ว่าผู้ที่เป็นต้อหินส่วนใหญ่มักพบร่วมกับภาวะความดันลูกตาสูง แต่ผู้ป่วยต้อหินบางรายอาจมีความดันลูกตาปกติก็ได้ เรียกว่า “Normal pressure glaucoma/Normal-tension glaucoma” ซึ่งจะพบในผู้ป่วยที่เป็นต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ ซึ่งเป็นต้อหินมุมเปิด (open-angle glaucoma) ชนิดหนึ่ง

ผู้ที่มีภาวะความดันลูกตาสูงบางรายก็อาจไม่เกิดภาวะประสาทตาเสื่อม (กลายเป็นต้อหิน) ก็ได้ เรียกภาวะนี้ว่า “Ocular hypertension” อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นต้อหินตามมาได้ ซึ่งจำเป็นต้องติดตามดูอาการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ป่วยที่มีความดันลูกตามากกว่า 27 มม.ปรอท มีโอกาสสูงที่จะทำให้ประสาทตาถูกทำลาย ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดความดันลูกตาเพื่อป้องกันโรคต้อหิน

ต้อหินเกิดจากท่อระบายน้ำเลี้ยงลูกตาอุดตัน

สาเหตุ

ต้อหินสามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิดขึ้นกับสาเหตุที่พบ ในที่นี้จะกล่าวถึงชนิดที่พบได้บ่อย ได้แก่

1. ต้อหินชนิดมุมเปิดมีความดันลูกตาสูง (primary open-angle glaucoma) เป็นต้อหินที่พบได้บ่อยกว่าชนิดอื่น พบได้ประมาณร้อยละ 70-80 ของโรคต้อหินทั้งหมด พบบ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีช่องลูกตาหน้าและมุมระบายน้ำเลี้ยงลูกตากว้างตามปกติ แต่ท่อชเลมส์ซึ่งเป็นตะแกรงระบายน้ำเลี้ยงลูกตาเกิดการอุดกั้น ซึ่งค่อย ๆ เกิดขึ้นเป็นเวลาแรมปีโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้น้ำเลี้ยงลูกตาคั่งและความดันในลูกตาสูงขึ้น เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ คือ มักจะพบว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย นอกจากนี้ยังพบในผู้ที่สายตาสั้นชนิดรุนแรง หรือในผู้ป่วยเบาหวาน (ซึ่งมีภาวะแทรกซ้อนที่ตา โดยมีหลอดเลือดผิดปกติเกิดขึ้นในบริเวณกล้ามเนื้อม่านตาไปทำให้เกิดการอุดกั้นทางระบายน้ำเลี้ยงลูกตาที่อยู่ใกล้กัน)

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคนี้ เนื่องจากไม่มีอาการแสดงให้เห็น จนกระทั่งมีความผิดปกติของการเห็นเกิดขึ้นอย่างถาวรแล้ว ต้อหินชนิดนี้ได้ชื่อว่า “ต้อหินชนิดมุมเปิดแบบเรื้อรัง (chronic open-angle glaucoma)” ซึ่งจัดว่าเป็นโรคภัยเงียบชนิดหนึ่ง

2. ต้อหินชนิดมุมปิด (angle-closure glaucoma/closed-angle glaucoma/narrow-angle glaucoma) พบมากเป็นอันดับ 2 รองจากชนิดมุมเปิดที่มีความดันลูกตาสูง ผู้ป่วยมีโครงสร้างของลูกตาผิดแปลกไปจากคนปกติ คือมีช่องลูกตาหน้าแคบและตื้น จึงมีมุมระบายน้ำเลี้ยงลูกตา (มุมระหว่างกล้ามเนื้อม่านตากับกระจกตา) แคบกว่าปกติ ต้อหินชนิดนี้เกิดมากในผู้ที่สายตายาว เพราะมีกระบอกตาสั้นและช่องลูกตาหน้าแคบ และเกิดในผู้สูงอายุเป็นส่วนมาก เพราะแก้วตาจะหนาตัวขึ้นตามอายุ ทำให้ช่องลูกตาหน้าที่แคบอยู่แล้วยิ่งแคบมากขึ้นไปอีก จึงมีโอกาสเกิดต้อหินมากขึ้น

พบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ต้อหินชนิดนี้สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ จึงมักพบมีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้ร่วมด้วย

ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีอาการเกิดขึ้นเฉียบพลัน เรียกว่า “ต้อหินชนิดมุมปิดแบบเฉียบพลัน (acute angle-closure glaucoma)” อาการมักเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อม่านตาหดตัว (รูม่านตาขยายตัว) เช่น อยู่ในที่มืดหรือโรงภาพยนตร์ มีอารมณ์โกรธ ตกใจ เสียใจ ใช้ยาหยอดตาที่เข้ากลุ่มยาอะโทรพีน หรือใช้ยาแอนติสปาสโมดิก ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้รูม่านตาขยาย เป็นต้น ก็จะทำให้มุมระบายน้ำเลี้ยงลูกตาถูกปิดกั้นฉับพลัน น้ำเลี้ยงลูกตาเกิดคั่งอยู่ในลูกตา ทำให้เกิดความดันในลูกตาสูงขึ้นฉับพลัน เป็นผลให้เกิดอาการต้อหินเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้ตาบอดได้ในเวลาสั้น ๆ จัดเป็นภาวะฉุกเฉินทางตาของโรคนี้

ผู้ป่วยอีกส่วนหนึ่งมีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป เรียกว่า “ต้อหินชนิดมุมปิดแบบเรื้อรัง (chronic angle-closure glaucoma)” ผู้ป่วยจะมีอาการแบบเดียวกับโรคต้อหินเรื้อรัง มักไม่มีอาการในระยะแรก จนกว่าจะมีการสูญเสียการมองเห็นมากขึ้น แต่ต่อมาบางรายอาจเกิดการอุดกั้นของทางระบายน้ำเลี้ยงลูกตาแทรกซ้อนขึ้นฉับพลัน ก็จะเกิดอาการของโรคต้อหินแบบเฉียบพลันได้

3. ต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ (normal-tension glaucoma) เป็นต้อหินที่พบได้น้อยกว่า 2 ชนิดดังกล่าว มีลักษณะอาการแบบเดียวกับต้อหินมุมเปิดชนิดเรื้อรังที่มีความดันลูกตาสูง ต้อหินชนิดนี้มีความดันลูกตาปกติ (มักมีค่าต่ำกว่า 21 มม.ปรอท) แต่ประสาทตาถูกทำลายแบบเดียวกับต้อหินที่มีความดันลูกตาสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากประสาทตามีความไวต่อการถูกทำลาย หรืออาจเกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงประสาทตาเนื่องจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและตีบ (atherosclerosis เช่นที่พบในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองตีบ) หรือมีภาวะอื่นที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงประสาทตาได้น้อย

มักพบว่ามีประวัติต้อหินชนิดนี้ในครอบครัว หรือมีประวัติโรคหัวใจและหลอดเลือด ไมเกรน (เนื่องเพราะมีภาวะหลอดเลือดแดงตาตีบขณะไมเกรนกำเริบ) โรคภูมิต้านตัวเอง (ออโตอิมมูน) บางชนิด ภาวะเลือดหนืด หลอดเลือดหดตัวง่าย หรือความดันโลหิตต่ำในช่วงกลางคืน (low nocturnal blood pressure)

4. เป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคตาอื่น ๆ เช่น ม่านตาอักเสบ ต้อกระจก เนื้องอกในลูกตา ปานแดงปานดำในลูกตา เลือดออกในลูกตา ตาถูกกระแทกแรง ๆ การผ่าตัดตา เป็นต้น

5. เกิดจากการใช้ยาหยอดตาที่เข้าสเตียรอยด์นาน ๆ ยานี้จะทำให้ความดันในลูกตาสูง ถ้าคนที่มีความดันในลูกตาสูงอยู่ก่อนแล้ว หากใช้ยานี้ก็จะเกิดโรคต้อหินได้ โดยมากจะเกิดอาการหลังหยอดยานาน 6-8 สัปดาห์ หลังหยุดยาความดันในลูกตาจะลดลงสู่ระดับเดิม

6. ต้อหินในเด็ก ซึ่งพบได้น้อย อาจมีอาการตั้งแต่เกิด หรือในช่วงอายุ 2-3 ปี ประสาทตาอาจถูกทำลายเนื่องจากตะแกรงระบายน้ำเลี้ยงลูกตาเกิดการอุดกั้น หรืออาจเกิดจากความผิดปกติอื่น ๆ

อาการ

ในรายที่เป็นต้อหินแบบเฉียบพลัน มีอาการปวดลูกตาและศีรษะข้างหนึ่งอย่างฉับพลันรุนแรงและนานเป็นวัน ๆ ร่วมกับอาการตาพร่ามัว มองเห็นแสงสีรุ้ง และคลื่นไส้อาเจียน

บางรายอาจมีอาการปวดตา ตาแดง ตาพร่า เห็นแสงสีรุ้งเป็นพัก ๆ นำมาก่อนเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ซึ่งมักจะเป็นตอนหัวค่ำ หรือเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดหรืออยู่ในที่มืด หรือขณะมีอารมณ์หงุดหงิด กังวล โกรธ เพราะจะมีเลือดไปคั่งที่ม่านตา มุมระบายน้ำเลี้ยงลูกตาที่แคบอยู่แล้วยิ่งแคบลงไปอีก พอนอนพักหรือเป็นอยู่นาน 1-2 ชั่วโมงก็บรรเทาได้เอง

ผู้ป่วยมักจะมีอาการเพียงข้างเดียว แต่ตาอีกข้างหนึ่งก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินชนิดเฉียบพลันเช่นกัน

ในรายที่เป็นต้อหินแบบเรื้อรัง มีอาการตามัวลงทีละน้อย ๆ เป็นแรมปี โดยในระยะแรกผู้ป่วยมักจะไม่รู้สึกมีอาการผิดปกติแต่อย่างใด บางรายอาจรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย อาจรู้สึกอ่านหนังสือแล้วปวดเมื่อยตาเล็กน้อย หรือตาล้า ตาเพลีย และตาพร่าเร็วกว่าธรรมดา ส่วนใหญ่แพทย์อาจตรวจพบโดยบังเอิญขณะที่ไปตรวจรักษาด้วยโรคอื่น

ต่อมาผู้ป่วยจะมีลานสายตาแคบลงกว่าเดิมมาก คือ มองไม่เห็นด้านข้าง อาจขับรถลำบากเพราะมองไม่เห็นรถที่อยู่ทางซ้ายและขวา หรือรถแซง รถสวน หรือเวลาเดินอยู่ในบ้าน อาจชนถูกขอบโต๊ะ ขอบเตียง ขอบประตู ขอบบันได

บางรายอาจรู้สึกว่าตามัวลงเรื่อย ๆ ต้องคอยเปลี่ยนแว่นอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่รู้สึกดีขึ้น

ในระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจะมีอาการตามัวอย่างมาก และอาจมีอาการปวดตาร่วมด้วย ซึ่งเมื่อถึงระยะนี้ประสาทตาก็มักจะเสียจนแก้ไขไม่ได้

ผู้ป่วยมักจะมีอาการที่ตาทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน

ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะความดันสูงภายในลูกตาจะทำลายขั้วประสาทตาจนเสื่อม ทำให้ลานสายตาแคบ และตาบอดถาวรได้

ภาวะลานสายตาแคบมักเป็นภาวะแทรกซ้อนของต้อหินแบบเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยไม่มีอาการชัดเจนและไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม ผู้ป่วยจะมีอาการมองไม่เห็นด้านข้าง ทำให้เดินชนขอบโต๊ะ ขอบเตียง ขอบประตู ขอบบันได เดินสะดุดหกล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบดังนี้

ในรายที่เป็นต้อหินแบบเฉียบพลัน จะพบมีอาการตาแดงเรื่อ ๆ ที่บริเวณรอบ ๆ ตาดำมากกว่าบริเวณที่อยู่ห่างจากตาดำออกไป กระจกตามีลักษณะขุ่นมัวไม่ใสเช่นปกติ รูม่านตาข้างที่ปวดจะโตกว่าข้างปกติ และเมื่อใช้ไฟฉายส่องจะไม่หดลง เมื่อใช้นิ้วกดลูกตา โดยให้ผู้ป่วยมองต่ำ ใช้นิ้วชี้ทั้ง 2 ข้างกดลงบนเปลือกตาบนจะรู้สึกว่าตาข้างที่ปวดมีความแข็งมากกว่าข้างที่ปกติ

ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจตรวจไม่พบความผิดปกติที่สังเกตจากภายนอกได้ชัดเจน

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจตาด้วยเครื่องตรวจตา ตรวจลานสายตา ตรวจลักษณะมุมตาและขั้วประสาทตา และวัดความดันลูกตา ซึ่งมักจะพบว่าสูงเกินปกติ (ค่าปกติประมาณ 10-21 มม.ปรอท)

การรักษาโดยแพทย์

ในรายที่เป็นเฉียบพลัน แพทย์จะทำการรักษาด้วยยาลดความดันลูกตา ร่วมกับการรักษาด้วยเแสงเลเซอร์หรือการผ่าตัด เพื่อเปิดทางระบายน้ำเลี้ยงตา

ยาลดความดันลูกตามีให้เลือกใช้หลายชนิด ซึ่งอาจใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกันก็ได้ อาทิ ยากลุ่ม carbonic anhydrase inhibitors ชนิดกิน (เช่น acetazolamide, methazolamide), ยาหยอดตาที่มีตัวยาปิดกั้นบีตา (เช่น timolol), ยาหยอดตากลุ่ม carbonic anhydrase inhibitors (เช่น dorzolamide, brinzolamide), ยาหยอดตากลุ่ม alpha-adrenergic agonists (เช่น apraclonidine, brimonidine), ยาหยอดตากลุ่ม cholinergic agents (เช่น pilocarpine), ยาหยอดตากลุ่มพรอสตาแกลนดิน (เช่น brimonidine)

โดยทั่วไปการรักษาดังกล่าวจะช่วยลดความดันลูกตาให้เป็นปกติภายในไม่กี่ชั่วโมง

การรักษาด้วยแสงเลเซอร์หรือการผ่าตัด ถ้าสามารถทำภายใน 12-48 ชั่วโมงหลังมีอาการ ก็จะมีโอกาสหายขาดได้ แต่ถ้าไม่ได้รักษาประสาทตาจะเสียและตาบอดได้ ภายใน 2-5 วันหลังมีอาการ

นอกจากนี้ แพทย์จะพิจารณาทำการผ่าตัดเปิดทางระบายน้ำเลี้ยงลูกตาของตาข้างที่ปกติให้ด้วย เพราะปล่อยไว้อาจมีโอกาสกลายเป็นต้อหินเฉียบพลันในภายหลังได้

ในรายที่เป็นเรื้อรัง แพทย์จะให้ยาหยอดตา และ/หรือยากินลดความดันลูกตา ถ้าได้ผลก็จำเป็นต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง และคอยตรวจวัดความดันลูกตาไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าไม่ได้ผลมักต้องรักษาด้วยแสงเลเซอร์หรือการผ่าตัดเพื่อเปิดทางระบายน้ำเลี้ยงตา

ผลการรักษา สำหรับต้อหินแบบเฉียบพลัน หากได้รับการรักษาได้ทันการณ์ก็จะหายได้โดยเร็วและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน ส่วนต้อหินแบบเรื้อรังส่วนใหญ่จะต้องใช้ยารักษาอย่างต่อเนื่อง ถ้าได้รับการรักษาก่อนที่ขั้วประสาทตาถูกทำลาย ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สายตาผิดปกติ (ลานสายตาแคบ) ได้ แต่ถ้าได้รับการรักษาหลังจากขั้วประสาทตาถูกทำลายไปบางส่วน ก็จะป้องกันไม่ให้สายตาผิดปกติมากขึ้น

การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าเป็นต้อหิน ควรปรึกษาแพทย์ แต่ถ้ามีอาการปวดตาและตามัวซึ่งเกิดขึ้นเฉียบพลัน หรือสงสัยเป็นต้อหินแบบเฉียบพลัน ควรไปพบแพทย์ด่วน เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ ควรปฏิบัติ ดังนี้

รักษา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ
หลีกเลี่ยงการซื้อยากินและยาหยอดตามาใช้เอง เพราะยาบางชนิด (เช่น อะโทรพีน และกลุ่มยาแอนติสปาสโมดิก ที่ใช้รักษาอาการปวดท้อง ท้องเดิน) อาจทำให้โรคต้อหินกำเริบได้

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
มีอาการปวดศีรษะและปวดตารุนแรง คลื่นไส้อาเจียน ตาแดงหรือตามัวมากขึ้น
ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้ หรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

การป้องกัน

โรคนี้ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผลดี แต่อาจลดความเสี่ยงหรือชะลอการเกิดต้อหินได้ด้วยการปฏิบัติตัว ดังนี้

หมั่นตรวจเช็กสุขภาพตารวมทั้งวัดความดันลูกตา ทุก 5-10 ปีสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี, ทุก 2-4 ปีสำหรับผู้ที่อายุ 40-54 ปี, ทุก 1-3 ปีสำหรับผู้ที่อายุ 55-64 ปี, และทุก 1-2 ปีสำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป

ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีประวัติโรคต้อหินในครอบครัว ควรตรวจถี่กว่าปกติ เช่น ทุกปี หรือตามที่แพทย์แนะนำ

เมื่อตรวจพบว่ามีความดันในลูกตาสูง ควรใช้ยาหยอดตาที่มีตัวยาลดความดันลูกตา และหมั่นติดตามดูการเปลี่ยนแปลงอาการตามที่แพทย์แนะนำ
หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำตามวิธีที่แพทย์แนะนำ (เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ) มีส่วนช่วยลดความดันลูกตา ป้องกันโรคต้อหินได้
ใส่อุปกรณ์ป้องกันตาเวลาทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อดวงตา (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดต้อหินได้)
ควบคุมโรคประจำตัว (เช่น เบาหวาน ความดันโลหิต) ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ข้อแนะนำ

1. ต้อหินแม้ว่าจะเป็นโรคที่ร้ายแรงซึ่งทำให้ตาบอดได้ แต่ถ้าได้รับการรักษาเสียแต่เนิ่น ๆ ก็มีทางรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น ถ้าพบผู้ที่มีอาการปวดตา ตามัว สงสัยว่าจะเป็นต้อหิน ควรปรึกษาแพทย์และรับการรักษาให้ทันท่วงที

2. เนื่องจากโรคนี้ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีแม้ว่าจะรู้สึกสบายดี ควรตรวจวัดความดันลูกตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีประวัติว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน

3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาหยอดตาที่เข้าสเตียรอยด์ (ที่ใช้แก้อาการแพ้หรืออาการของตาอักเสบ) นาน ๆ หรือยาหยอดตาที่เข้าอะโทรพีน หรือยาที่ทำให้รูม่านตาขยายตัว เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการต้อหิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีความดันลูกตาสูง (โดยไม่รู้ตัว) อยู่ก่อนแล้ว

โปรแกรมหมอประจำบ้านอัจริยะ: ต้อหิน (Glaucoma) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com

13
คนที่ผ่อนบ้านผ่อนคอนโดอยู่ เมื่อผ่อนชำระตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ก็อาจมองหาเรื่องการลดภาระผ่อน ช่องทางการลดดอกเบี้ยให้น้อยลงใช่มั้ยคะ และยิ่งช่วงนี้ดอกเบี้ยบ้านยังมีอัตราที่สูงอยู่มากทีเดียว เงินที่ผ่อนไปแต่ละเดือนก็ไปโปะส่วนดอกเบี้ยจนแทบไม่ตัดเงินต้นเลย และทางเลือกสำหรับคนอยากลดภาระผ่อนบ้านก็คือ "รีไฟแนนซ์" วันนี้พาไปทำความเข้าใจกันอีกครั้งค่ะว่ารีไฟแนนซ์คืออะไร ทำอย่างไร และหากอยากรีไฟแนนซ์จะเลือกยังไง ตอนนี้ดอกเบี้ยเงินกู้แบงก์ไหนดี

รีไฟแนนซ์ คืออะไร?
คือ การขอสินเชื่อและผ่อนชำระกับสถาบันการเงินใหม่ เพื่อนำเงินที่กู้ใหม่นั้นมาชำระหนี้เดิม ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ ของการรีไฟแนนซ์ก็คือ การได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ลดค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือน
 
 รีไฟแนนซ์ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
1. ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่จะประเมินทรัพย์ ว่าปัจจุบันบ้านของเรามีมูลค่าอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อใช้ประกอบการอนุมัติวงเงินกู้ให้กับเรา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคารด้วยค่ะ
2. ค่าจดจำนอง ต้องไปจดจำนองใหม่ ณ กรมที่ดิน ค่าใช้จ่าย 1% ของยอดสินเชื่อใหม่
3. ค่าอากรแสตมป์ อัตรา 0.05% ของยอดสินเชื่อใหม่ที่เราขอกู้
4. ค่าเบี้ยประกันภัย หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งในส่วนนี้แล้วแต่เงื่อนไขและข้อตกลงของแต่ละธนาคาร
5. ค่าเบี้ยปรับ โดยเกิดจากการขอรีไฟแนนซ์ในกรณีที่ผิดเงื่อนไขกับธนาคารเดิม เช่น ผ่อนชำระกับธนาคารเดิมไม่ถึง 3 ปี หรือตามเงื่อนไขในสัญญาเดิม ซึ่งอาจจะคิดในอัตรา 0-3% ของวงเงินกู้ (ในข้อนี้เราควรผ่อนชำระกับที่เดิมให้ครบ 3 ปี หรือครบตามเงื่อนไขในสัญญาเดิมก่อนนะคะ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะได้ไม่เกิด)
 
รีไฟแนนซ์ยังไง ให้คุ้มค่าที่สุด?
ต้องมองหาดอกเบี้ยที่ต่ำลงกว่าเดิม ยิ่งมากยิ่งดี เปรียบเทียบง่าย ๆ โดยดูจาก ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี แรก เพราะหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปในลักษณะลอยตัว หรือ MLR หรือ ลอยตัวแล้วมีตัวลบ คือ MLR- ซึ่งอัตราดอกเบี้ย MLR ของแต่ละธนาคารจะไม่เท่ากัน ลองเปรียบเทียบอัตรดอกเบี้ยที่เราได้รับในปัจจุบันดูนะคะ


รี ไฟแนนซ์บ้าน 2567: รีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยเงินกู้แบงก์ไหนดี อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/money/article/111491

14
ปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่เราจะต้องเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพฟันตามมาในอนาคต ควรดูแลรักสาสุขภาพฟันให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้เราได้มีสุขภาพฟันที่แข็งแรงและไม่เกิดฟันผุ ซึ่งการเกิดฟันผุนั้นจะสร้างปัญหาตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียฟันหรือการเกิดโรคเหงือกอักเสบเพราะฉะนั้น เราจึงควรดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดี ซึ่งหลายคนที่เคยมีปัญหาช่องปากและฟัน อาจเคยเข้ารับการอุดฟันเพื่อเป็นการรักษาฟันให้สวยและมีสุขภาพที่ดี


สำหรับการอุดฟันนั้น เป็นวิธีทางการทันตกรรมที่ใช้รักษาฟันที่ถูกทำลายจากการเกิดฟันผุจนเป็นโพรงหรือรู การอุดฟันนั้นจะสามารถช่วยให้เราไม่ให้มีฟันผุเพิ่มขึ้น ด้วยการปิดช่องทางไม่ให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปภายในรูหรือโพรงนั้นได้อีก โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้ทำการอุดฟันให้กับผู้เข้ารับการรักษา โดยนำวัสดุอุดฟันที่ทำจากโลหะปรอท เงิน ทองแดง และสังกะสี หรืออาจจะใช้วิธีการอุดฟันด้วยวัสดุที่สีเหมือนฟัน ซึ่งการเลือกใช้วัสดุนั้นจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์ที่จะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับผู้เข้ารับการรักษา สำหรับการอุดฟันนั้น นิยมทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นการป้องกันการเกิดฟันผุ และมีวิธีการที่ไม่ซับซ้อน โดยทันตแพทย์จะทำการตรวจฟันบริเวณที่ผุ โดยเริ่มจากการใช้ยาชาบริเวณฟันที่จะอุดและกรอฟันในส่วนที่พูดออกไป โดยใช้เครื่องมือ ซึ่งการเลือกเครื่องมือก็จะขึ้นอยู่กับความถนัดของทันตแพทย์ รวมไปถึงขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของฟันผุ


หลังจากนั้นจะทำการทำความสะอาดฟันให้เหลือแต่เนื้อฟันที่แข็งแรงเพื่อให้พร้อมต่อการอุดฟัน ทันตแพทย์ก็จะนำวัสดุที่นำมาอุดฟันอุดลงไปบริเวณรูหรือโพรงของฟันที่ต้องการอุด หลายคนเกิดการสงสัยว่าทำไมเราจะต้องอุดฟัน ต้องบอกก่อนว่า การอุดฟัน คือ การทดแทนเนื้อฟันที่สูญเสียไป จากกรณีฟันผุ ฟันสึก ฟันแตกหักหรือบิน เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุหรือวัสดุอุดเก่าเกิดการชำรุดหรือบิ่นออก เพื่อให้ฟันกลับมามีรูปร่างเป็นปกติและสามารถใช้บดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงทำให้มีความสวยงาม โดยเฉพาะในบริเวณฟันหน้า โดยส่วนใหญ่ทันตแพทย์จะใช้วัสดุอุดโลหะอะมัลกัม ซึ่งเป็นวัสดุอุดฟันที่คงทน แข็งแรง และมีราคาที่ไม่สูงมาก แต่เนื่องจากวัสดุมีสีเงิน สีเทามองแล้วดูไม่สวยงามจึงไม่นิยมใช้ในบริเวณที่มองเห็นได้ง่าย เช่น ฟันหน้า หรือสำหรับผู้ป่วยที่อุดด้วยวัสดุนี้ไม่ควรบดคี้ยวอาหารด้านที่อุดฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง


เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในระยะแรกยังมีความแข็งแรงไม่เต็มที่ อาจจะมีโอกาสที่จะเสี่ยงต่อการแตกหักได้นั่นเอง หลายคนเกิดความสงสัยว่า ถ้าหากวัสดุที่อุดฟันหลุดเราควรทำอย่างไร วันนี้ทางคลินิกก็จะมาให้คำตอบเกี่ยวกับการที่วัสดุอุดฟันหลุดเราควรรับมือกับปัญหานี้อย่างไร การที่วัสดุอุดฟันหลุดนั้น เป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อย โดยวัสดุที่ใช้อุดฟันอาจจะเกิดการหลวมหรือแตกหักจากการกระทบของแข็ง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดฟันตามมาได้ และเมื่อวัสดุที่หลุดออกฉันของเนื้อฟันหรือโพรงประสาทฟันก็จะสัมผัสกับอากาศหรืออาหารโดยตรง จะทำให้รู้สึกปวดฟันได้ สำหรับผู้เข้ารับการรักษาที่อุดฟันมานานแล้ววัสดุที่อุดฟันอาจจะมีการเสื่อมตามอายุการใช้งานได้ และมีโอกาสที่จะหลุดออกเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปีหรืออาจจะสั้นกว่านั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน


แต่ถ้าหากวัสดุอุดฟันหลุดออกแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาจำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์ทันที เพื่อกรอเอาวัสดุที่ยังอาจติดค้างอยู่ออกให้หมด และใส่วัสดุอุดฟันใหม่ หากปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นรูหรือโพรง อาจจะทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือปวดฟันขึ้นได้แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความลึกของรูนั้น ที่สำคัญคือ เศษอาหารที่เรารับประทานเข้าไป อาจจะเข้าไปติดอยู่ทำให้เกิดฟันผุลึกลงไปกว่าเดิม จนทำให้เกิดการสูญเสียฟันได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เข้ารับการรักษาได้เข้ารับการอุดฟันใหม่แล้ว ควรดูแลวัสดุอุดฟันและสุขภาพช่องปากและฟันให้สะอาด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีความแข็งหรือบดเคี้ยวอาหารแรงๆ เช่น การเคี้ยวน้ำแข็ง เมล็ดพืชแข็งๆ เป็นต้น รวมไปถึงสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ปากกา ฝาขวด เป็นต้น นอกจากนี้เราควรดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันให้มีความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อทำให้เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงและยังเป็นการรักษาสภาพฟันหลังจากการอุดฟันให้ดีด้วย


ทางคลินิกอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง เพราะฉะนั้น ผู้เข้ารับการรักษาควรปฏิบัติตนเพื่อดูแลสุขอนามัยของช่องปากและฟันให้สะอาดอยู่เสมอ ทั้งการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันและที่สำคัญควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำความสะอาดเป็นประจำหรือใช้น้ำยาบ้วนปากต่อต้านแบคทีเรียอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ถ้าหากใครมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำที่คลินิกได้ ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันและยังมีบริการทางด้านทันตกรรมอย่างครบวงจร จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงขึ้นได้อย่างแน่นอน แถมยังทำให้คุณมีบุคลิกภาพที่มั่นใจสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขอีกด้วย


จัดฟันบางนา: วัสดุอุดฟันแตกหัก ควรทำอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

15
กระชายขาวสกัดสรรพคุณ
เนื่องจากว่า กระชายขาวสกัด มีสารต่างๆที่มีคุณประโยชน์ที่ดีกับร่างกาย ทั้งภายในและ ภายนอก ในส่วนรากและส่วนต้นของกระชายขาว จะประกอบด้วยสาร alpinetin, pinocembrin, boesenbergin A, pinostrobin, น้ำมันหอมระเหย (essential oil), สาร cardamonin ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้อีกด้วย

กระชายขาวสกัด จึงมีสรรพคุณมากมาย ที่ช่วยในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของคนไทยมาอย่างช้านาน ตำรายาไทยใช้เหง้ากระชาย ในการแก้อาการของโรคต่างๆ นอกจากนั้น กระชายยังมีประโยชน์ทาง สมุนไพร ส่วนที่ใช้ประโยชน์เพื่อบริโภค คือเหง้า เหง้ากระชายขาวใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องแกงบางอย่าง ส่วน ใหญ่เป็นแกงที่ใช้ปลา เช่น น้ำยาปลา แกงส้ม แกงเลียง เนื่องจากกลิ่นรสที่เผ็ดร้อนและรสขมของกระชายขาว จะช่วยดับกลิ่นคาวปลาได้ดี

สรุป ถึงแม้ว่ากระชายขาวสกัดมีสรรพคุณ ประโยชน์ ช่วยรักษา บรรเทาอาการต่างๆได้มากและยังมี  ผลการทดลอง งานวิจัยสารสกัดกระชายขาวสามารถยังยั้งเชื้อไวรัสโควิด – 19 ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม   การรับประทานกระชายขาว ก็ควรที่จะทานอย่างพอดี เเละเหมาะสม ไม่ควรทานมากเกินไป เพราะจะส่งผล เสียต่อร่างกายได้

ดังนั้นหากมีความต้องการในการรับประทาน กระชายขาวสกัด ในรูปแบบประกอบอาหาร หรือเเบบ  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบเม็ดเเคปซูล เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควรได้รับคำเเนะนำจากบุคลากร   ผู้เชี่ยวชาญ หรือ เภสัชกรก่อนการใช้ยา


กระชายขาวแคปซูล

สมุนไพรได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ กระชายขาวถูกนำมาเป็นส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์  เสริมอาหารในรูปแบบแคปซูล ช่วยให้รับประทานได้ง่ายขึ้น สะดวกพกพา ประโยชน์ของกระชายขาวแคปซูล   นอกจากช่วยนำส่งยาแล้ว ยังช่วยในเรื่องการกลบกลิ่น และรสขมของยา

กระชายขาวแคปซูลในปัจจุบันที่มีวางจำหน่ายในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วประเทศนั้น โดย ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมอื่นๆ ที่ถูกบรรจุรวมกันในหนึ่งเม็ดแคปซูล ทั้งนี้เพื่อเป็นการนำสรรพคุณของกระชาย ขาวมาผสมร่วมกับ วิตามินอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้อย่างเต็มที่ และมากมายหลากหลายคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน

กระชายขาวแคปซูล ช่วยอะไร กระชายขาวแคปซูลช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ต้านเชื้อไวรัส เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงกำลัง เสริมสมรรถภาพทางเพศ ช่วยบำรุงหัวใจ ปรับสมดุลในร่างกาย ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้โรคท้องร่วง ปวดบิด ช่วยลดอาการติดเชื้อทางเดินระบบหายใจ ช่วยลดการอักเสบ

กระชายขาวแคปซูล กินตอนไหนดี ช่วงเวลาสำหรับการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มที่มีส่วนผสมสมุนไพร และวิตามิน คือ ทานพร้อมอาหารและหลังอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด และควรทานให้เป็นเวลาเดิมของทุกวัน และไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกิน 6 เดือน
กระชายขาวแคปซูล กินวันละกี่เม็ด การรับประทานกระชายขาวแคปซูลนั้น สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเภสัชกรแนะนำโดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้รับประทานเพียงวันละ 1 แคปซูลต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณจากการคำนวนตามหลัก Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI ) หมายถึง ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน สำหรับคนไทยกำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุข


กระชายขาวกับโควิด

กระชายขาว เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่คนเชื่อกันว่า ช่วยต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ นอกจาก ฟ้าทลาย โจร ขิง มะขามป้อม ขมิ้นชัน กระเทียม โดยได้แปรรูปสมุนไพรต่างๆในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิด แคปซูล แบบอัดผงละเอียด เพื่อการเข้าถึงที่ง่าย พกพาสะดวก และง่ายต่อการรับประทาน ยังสามารถหาซื้อ ได้ง่ายตามร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ

กระชายขาวเป็นกระแสไปทั่วประเทศ ว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อและช่วยรักษาโควิด-19 ได้ เพราะมีการวิจัย พบว่า สารสกัดจากกระชายขาวสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของ COVID-19 ได้ โดยสารสำคัญทั้ง 2 ตัวที่อยู่ในกระชายขาว คือ Pandulatin A , Pinostrobin

กระชายขาวเมื่อนำมาสกัดจากงานวิจัยในหลอดทดลองพบว่า มีประสิทธิผลในการยับยั้งเชื้อได้ 2 รูปแบบ ดังนี้

กระชายขาวสกัดสามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อได้
กระชายขาวสกัดสามารถยับยั้งการผลิตเชื้อไวรัสจากเซลล์ หมายถึงเซลล์นั้นไม่สามารถที่ จะผลิตเชื้อไวรัสใหม่ได้เลย
ถึงแม้ว่ากระชายขาวสกัดจะมีฤทธิ์ต้านเชื้อโควิด-19 ได้จริง การจะบริโภคกระชายขาวไม่ว่าจะใน รูปแบบใดก็ยังคงต้องได้รับคำแนะนำปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย เพราะต้อง ปลอดภัยและปริมาณการบริโภคที่เหมาะสมด้วย

ทั้งนี้ การดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้ปลอดภัยจากโรคเชื้อก่อโรคต่างๆได้ ยังคงต้องใส่หน้ากาก อนามัย , หมั่นล้างมือ และฉีดพ่นแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังจากที่สัมผัสสิ่งของที่อาจปนเปื้อนได้ , หลีกเลี่ยง การสัมผัสสารคัดหลั่ง ของเหลวในร่างกายที่อาจจะทำให้คนอื่นติดเชื้อ , Social Distance เว้นระยะห่าง อย่างน้อย 1-2 เมตร



กระชายสกัด: กระชายขาวสกัดสรรพคุณ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

หน้า: [1] 2 3 ... 20