แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 26
1
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส INVISALIGN MODERATE แก้ไขปัญหาฟันได้ทุกกรณี !

เป็นการจัดหันที่นำนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยในเรื่องของการวางแผนการจัดฟันเพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษา ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ได้ทำการจัดฟันแล้ว ซึ่งจะแสดงผลเป็นรูปแบบของ 3D เพื่อให้ผู้เข้ารับการจัดฟันได้เข้าใจได้อย่างง่ายๆ

แต่การจัดฟันแบบใส Invisalign มีหลายประเภท โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคล และดุลยพินิจของทันตแพทย์ที่จะทำการรักษา โดยจะทำการประเมินช่องปาก สภาพของฟัน ว่าควรเข้ารับการจัดฟันแบบใส Invisalign แบบใด ซึ่งวันนี้เราจะพามารู้จักกับการจัดฟันแบบใส Invisalign Moderate ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการจัดฟันแบบใส

การจัดฟันแบบใส Invisalign Moderate เป็นการจัดฟันใสสำหรับผู้ที่มีฟันซ้อนเกค่อนข้างมาก หรือมีความซับซ้อนมาก อาจเคยเป็นฟันที่ไม่เคยผ่านการจัดฟันมาก่อน หรือไม่ก็ตาม การจัดฟันใสแบบ Invisalign Moderate ใช้เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ตั้งแต่ 24 คู่ ขึ้นไป และใช้เวลาโดยประมาณในการจัดฟัน 1-2 ปี แล้วแต่สภาพฟันของแต่ละบุคคล และดุลยพินิจของทันตแพทย์

โดยการจัดหันแบบใส ในรูปแบบนี้สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ทุกกรณีและผู้เข้ารับการจัดฟันจะสามารถได้เห็นแผนการรักษาของทันตแพทย์ว่าจะทำการรักษาในรูปแบบใด และผลการรักษาจะไปในทิศทางใดนั่นเอง

การจัดฟันแบบใส Invisalign ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษามีสุขภาพฟันที่ดี เพราะการจัดฟันแบบใส สามารถถอดออกได้

จึงทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องมือจัดฟัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ไหมขัดฟันในการทำความสะอาดได้ด้วย หากสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถเข้ามาขอคำปรึกษาจากทันตแพทย์ของทางคลีนิคได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

2
โพสฟรี ขายในไทย ทุกหมวดหมู่ / หมอออนไลน์: บิดอะมีบา (Amebiasis)
« เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2024, 15:32:06 น. »
หมอออนไลน์: บิดอะมีบา (Amebiasis)

อะมีบา เป็นโปรโตซัว (สัตว์เซลล์เดียว) ชนิดหนึ่ง สามารถเข้าไปทำให้เกิดการติดเชื้อในลำไส้ กลายเป็นลำไส้ใหญ่อักเสบ (colitis) เรียกว่า บิดอะมีบา หรือเข้าไปในตับทำให้เกิดฝีในตับ เรียกว่า ฝีตับอะมีบา

บิดอะมีบา (บิดมีตัว) พบได้ในคนทุกวัย แต่พบมากในคนอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป

บิดชนิดนี้พบได้น้อยกว่าบิดชิเกลลา มักพบในท้องถิ่นที่การสุขาภิบาลยังไม่ดี หรือในกลุ่มคนที่ยังขาดสุขนิสัยที่ดี

การติดเชื้อมักเกิดได้บ่อยในสถานพักฟื้นของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยทางจิตเวช และในกลุ่มชายรักร่วมเพศ

ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดง แต่เป็นพาหะแพร่เชื้อให้ผู้อื่น ส่วนน้อยจะกลายเป็นโรคบิดอะมีบา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด ขาดอาหาร ป่วยเป็นมะเร็ง ใช้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกัน ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์หรือหลังคลอดอาจเกิดอาการรุนแรง และมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้ออะมีบา (ameba) ที่มีชื่อว่า เอนตามีบาฮิสโตไลติคา (Entamoeba histolytica) ซึ่งอยู่ตามดินและแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมทั้งอาจปนเปื้อนอยู่ในสระว่ายน้ำและน้ำประปา ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อจากผู้ที่เป็นพาหะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่จัดเตรียมหรือทำอาหารให้ผู้อื่น) หรือปนเปื้อนดินหรือน้ำที่มีเชื้อ นอกจากนี้ยังติดต่อโดยการดื่มน้ำแบบดิบ ๆ และการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ หรือการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการใช้ปากสัมผัสกับทวารหนักหรือองคชาตที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระในบริเวณทวารหนัก (ซึ่งพบในกลุ่มชายร่วมเพศ)

ระยะฟักตัว 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน (ส่วนใหญ่ 8-10 วัน)
 

อาการ

ในรายที่เป็นเฉียบพลัน อาจแสดงอาการได้ 3 ลักษณะตามความรุนแรงของโรคดังนี้

ในรายที่มีการติดเชื้อเล็กน้อยถึงปานกลาง จะมีอาการปวดบิดในท้อง มีลมในท้องมาก ท้องอืด ถ่ายอุจจาระเหลววันละ 3-5 ครั้ง อาจมีมูกปนเล็กน้อย (โดยไม่มีเลือดปน) หรือไม่ก็ได้ ส่วนใหญ่มักไม่มีไข้ หรือมีไข้ต่ำ

ในรายที่มีการติดเชื้อมาก จะมีอาการของลำไส้ใหญ่อักเสบหรือโรคบิดชัดเจน คือ ปวดท้อง ปวดเบ่งที่ก้นคล้ายถ่ายไม่สุด และถ่ายเป็นมูกเลือดทีละน้อย ซึ่งมีเนื้ออุจจาระปนน้อยมาก มักมีกลิ่นเหม็นเหมือนหัวกุ้งเน่า ผู้ป่วยจะถ่ายกะปริดกะปรอยวันละ 10-20 ครั้ง หรือมากกว่า ระยะนี้ผู้ป่วยเดินเหินไปไหนมาไหนและทำงานได้

อาการถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นมูกเลือดดังกล่าว มักจะเป็นอยู่นานหลายวันถึงหลายสัปดาห์ แล้วอาจทุเลาไปได้เองสักระยะหนึ่ง หากไม่ได้รับการรักษาก็จะมีอาการกำเริบซ้ำได้บ่อย ๆ

ในรายที่ติดเชื้อรุนแรง ซึ่งมักพบในเด็กเล็ก จะมีอาการคล้ายบิดชิเกลลา คือ มีไข้สูง ปวดท้องมาก คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลียมาก ถ่ายเป็นน้ำปริมาณมากวันละ 10-20 ครั้ง มักมีเลือดปน และมักมีภาวะขาดน้ำซึ่งอาจรุนแรงถึงช็อกได้ 

ในรายที่เป็นเรื้อรัง จะมีอาการปวดท้อง ท้องอืด อ่อนเพลีย ถ่ายอุจจาระเหลว (อาจมีมูกปน) วันละ 3-5 ครั้ง หรือถ่ายเป็นมูกเลือดกะปริดกะปรอย เป็นๆ หายๆ เรื้อรังนานเป็นแรมเดือนแรมปี ผู้ป่วยมักมีอาการน้ำหนักลดร่วมด้วย และในช่วงที่ไม่มีอาการท้องเดินอาจมีอาการท้องผูกสลับด้วย อาการแสดงบางครั้งอาจแยกไม่ออกจากมะเร็งลำไส้ใหญ่


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจกลายเป็นโรคบิดเรื้อรัง มีอาการอ่อนเพลีย ซีด น้ำหนักลด ซูบผอม อาจเกิดก้อนอะมีโบมา (เกิดจากการติดเชื้ออะมีบาเรื้อรังร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการของลำไส้อุดกั้น จากภาวะลำไส้กลืนกันเอง (intussusception)

บางรายอาจเกิดแผลขนาดใหญ่ที่กระพุ้งลำไส้ใหญ่ (cecum) ตรงบริเวณท้องน้อยข้างขวา ทำให้มีไข้สูง ท้องอืดมาก ท้องเดิน กดเจ็บ คล้ายไส้ติ่งอักเสบ (ส่วนไส้ติ่งอักเสบจากเชื้ออะมีบาก็อาจพบได้แต่ค่อนข้างน้อย)

ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเกิดภาวะลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเร็วร้าย (fulminant colitis) ซึ่งมักพบในเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะขาดอาหาร หรือใช้ยาสเตียรอยด์ ทำให้มีการหลุดลอกของเยื่อบุลำไส้ใหญ่ปริมาณมาก และตกเลือดรุนแรงเป็นอันตรายถึงตายได้

ภาวะร้ายแรงอื่น ๆ เช่น ลำไส้ใหญ่ทะลุทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบตามมา ภาวะลำไส้ใหญ่พอง (toxic megacolon) ทำให้ผนังลำไส้แตกได้

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดภาวะลำไส้ใหญ่ตีบ (ถ่ายอุจจาระลำบาก) หรือแผลที่ผิวหนังตรงบริเวณรอบ ๆ ทวารหนัก

เชื้ออาจแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ที่พบบ่อยคือ ตับ ทำให้เป็นฝีตับอะมีบา ส่วนน้อยอาจแพร่ไปที่ปอดและสมอง ทำให้เกิดการอักเสบหรือเป็นฝี


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย โดยมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่เป็นไม่มากอาจตรวจไม่พบอะไรชัดเจน บางรายอาจพบอาการท้องอืด ใช้เครื่องฟังตรวจที่หน้าท้องจะได้ยินเสียงโครกครากของลำไส้มากกว่าปกติ อาจมีอาการกดเจ็บเล็กน้อยตรงบริเวณท้องส่วนล่าง หรือคลำได้ตับโตเล็กน้อย

ในรายที่เป็นมากมักมีไข้สูง มีภาวะขาดน้ำ กดเจ็บทั่วบริเวณท้อง อาจพบตับโตและกดเจ็บ ความดันต่ำ

ในรายที่เป็นเรื้อรังอาจคลำได้ก้อนที่บริเวณท้องน้อยข้างขวา เรียกว่า อะมีโบมา (ameboma) ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นมะเร็งได้

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจหาเชื้อในอุจจาระ บางรายอาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (sigmoidocopy‚ colonoscopy) การทดสอบทางน้ำเหลืองด้วยวิธี ELISA เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ (เช่น ยาลดไข้ ให้อาหารบำรุงร่างกาย) และให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เมโทรไนดาโซล หรือทินิดาโซล

2. ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรง หน้าท้องกดเจ็บมากหรือเกร็งแข็ง ตับโตและกดเจ็บมาก ถ่ายเป็นเลือดรุนแรง ปวดศีรษะรุนแรง หายใจหอบหรือชัก แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

3. ถ้ามีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง คลำได้ก้อนในท้อง หรือน้ำหนักลดฮวบ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ เช่น เอกซเรย์ การตรวจอัลตราซาวนด์ การใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (sigmoidocopy‚ colonoscopy) เป็นต้น และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่หายเป็นปกติใน 1-3 สัปดาห์ ส่วนน้อยที่เกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งหากรักษาได้ทันการณ์ก็จะหายเป็นปกติได้ แต่ถ้าได้รับการรักษาล่าช้าไป ก็อาจได้รับอันตรายถึงเสียชีวิตได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดกะปริดกะปรอย มูกมีกลิ่นเหม็นเหมือนหัวกุ้งเน่า ควรปรึกษาแพทย์


เมื่อตรวจพบว่าเป็นบิดอะมีบา ควรดูแลตนเอง ดังนี้
 
1. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

2. กินยาปฏิชีวนะตามขนาดและครบระยะเวลาตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
 
3. ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด
 
4. ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    ปวดศีรษะรุนแรง ชัก ปวดท้องรุนแรง หรืออาเจียน 
    หายใจหอบ ตาเหลืองตัวเหลือง หรือน้ำหนักลด 
    ท้องผูกหรือถ่ายอุจจาระลำบาก
    คลำได้ก้อนในท้อง
    ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
    หลังกินยามีผื่นคัน ตุ่มพุพอง ปากบวม ตาบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ
    กินยาที่แพทย์แนะนำ 4-5 วันแล้วไม่ดีขึ้น
    มีความวิตกกังวล


การป้องกัน

ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันบิดชิเกลลา และท้องเดินจากเชื้อไกอาร์เดีย

ข้อแนะนำ

1. หลังการให้ยารักษา ถึงแม้ว่าอาการจะทุเลาเป็นปกติแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ควรทำการตรวจดูเชื้อในอุจจาระในเดือนที่ 1‚ 3 และ 6 หลังการรักษา ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อหลงเหลือซึ่งอาจทำให้โรคกำเริบใหม่ได้

2. ผู้ที่ติดเชื้ออะมีบาอาจมีอาการท้องเดิน (ถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นมูกไม่มีเลือดปน) เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังได้ หากสงสัยควรส่งตรวจดูเชื้ออะมีบาในอุจจาระ

3. ในผู้ที่ติดเชื้ออะมีบาบางรายอาจไม่มีอาการแสดงแต่อย่างใด แต่สามารถแพร่เชื้อออกทางอุจจาระไปให้ผู้อื่น เรียกว่า พาหะ (carrier) ของโรคบิดอะมีบา หากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น กินยาสเตียรอยด์ก็อาจกลายเป็นโรคตามมาได้

3
มอเตอร์โชว์ 2025: Nissan Serena เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2024 พร้อมโชว์รถครบรุ่นและโปรฯ SAY YES! ที่ช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

นิสสัน ประกาศสร้างสีสันในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (Motor Expo 2024) กับการเปิดตัวรถยนต์ นิสสัน เซเรน่า ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์ มากประโยชน์ใช้สอย ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดี พร้อมนำรถยนต์ครบทุกรุ่นโชว์ตัวในงาน อาทิ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รถยนต์เอสยูวีที่ให้ฟีลการขับขี่แบบรถยนต์ไฟฟ้า 100%  นิสสัน อัลเมร่า รถคอมแพคซีดานสไตล์สปอร์ต ที่แรงจริง กว้างขวางนั่งสบาย นิสสัน นาวารา กระบะ ทน พร้อมลุย และนิสสัน เทอร์ร่า รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว  พร้อมทั้งจัดแถลงข่าวการประกวดผลงานการผลิตคอนเทนท์และแผนการตลาดสร้างสรรค์ Nissan e-POWER Challenge 2024 ที่บูธนิสสันภายในงาน ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี
 
นิสสัน เซเรน่า เป็นหนึ่งในรถมินิแวนยอดนิยมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2534 และถูกส่งออกไปทั่วตลาดเอเชีย และยุโรปในภายหลัง รวมทั้งมีการผลิตในหลายภูมิภาค

นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในคอนเซ็ปต์ “Big. Easy. Fun.” สะท้อนจุดเด่นในด้านความกว้างขวางภายในรถ ความสะดวกสบาย ขึ้นลงง่าย การปรับเบาะที่นั่งได้หลายรูปแบบ สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ จึงเหมาะกับการเดินทางพร้อมกันหลายคน แบบครอบครัว สำหรับการพักผ่อน และการทำงาน

โทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธานนิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าวว่า “นิสสันในประเทศไทย ยังคงยึดมั่นจุดยืนในการทำสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คน และสร้างสรรค์โลกที่ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจจากการเดินทาง  ตลอดระยะเวลา 71 ปี ที่เราดำเนินธุรกิจในประเทศไทย นิสสันเข้าใจดีว่าคนไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ดีกับคนใกล้ชิด และนิยมใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูง เราจึงได้นำรถที่ทั้งกว้างขวาง สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ เหมาะจะเป็นเพื่อนร่วมทางที่สร้างประสบการณ์ประทับใจในทุกเส้นทาง  นิสสัน เซเรน่า ใหม่ ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ เดินทางได้อย่างสนุกสนาน สร้างความทรงจำที่ดีให้กับทุกคน”

นอกจากการเปิดตัวนิสสัน เซเรน่า ใหม่ แล้ว ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งนี้ นิสสันยังคงนำรถยนต์รุ่นหลักมาโชว์ในงาน ได้แก่ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์  “คันนี้ ใช่เลย” นิสสัน นาวารา “ทน พร้อม ลุย” นิสสัน อัลเมร่า “แรงจริง จัดให้” และ นิสสัน เทอร์ร่า “คันเดียวจบ ครบเกินคุ้ม”

นิสสัน ยังได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษที่จะทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์คุณภาพเยี่ยมได้ง่ายขึ้นกับแคมเปญ SAY YES! ที่มีความหลากหลายให้ลูกค้าเลือกได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของตนเอง ตั้งแต่ดอกเบี้ยต่ำ 0% ไปจนถึงผ่อนนาน 96 เดือน
 
รถยนต์หลัก 4 รุ่น ที่บูธนิสสัน

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ให้ประสบการณ์ที่ขับสนุก ฟีลรถยนต์ไฟฟ้า 100%  โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จ ด้วยเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ที่มีความโดดเด่นจนได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ขับง่าย ราบรื่น และปลอดภัยกับ อี-เพดัล สเต็ป และกล้องมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror - IRVM) ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ยอดนิยมในชุดเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360˚ Safety Shield   นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ยังมาพร้อมรุ่นตกแต่งพิเศษอีก 2 รุ่น คือ ออเทค ที่เพิ่มความสปอร์ต พรีเมียม และ สตาร์ อีดิชัน ในสีดำสุดเท่

นิสสัน นาวารา รุ่นปี 2024 มาพร้อมดีไซน์ภายในใหม่ที่สปอร์ตพรีเมียมกว่าเดิม แต่ยังคงรักษาจุดเด่นความเป็นรถกระบะที่ “ทน พร้อม ลุย” วางใจได้ในทุกงาน นิสสัน นาวารา มาพร้อมการตกแต่งแผงคอนโซลหน้าใหม่ที่ติดตั้งจอทัช สกรีนขนาดใหญ่ 9 นิ้ว และวัสดุบุนุ่มในจุดที่มีการสัมผัสบ่อยๆ ให้ทั้งสัมผัสที่สบายและสวยงาม เบาะนั่ง Quole Modure ที่ไม่สะสมความร้อนนั่งสบายแม้จะเดินทางไกล

นิสสัน อัลเมร่า คอมแพคซีดานที่ “แรงจริง จัดให้” กับเครื่องยนต์ทรงพลังที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกทุกเส้นทาง มาพร้อมแอปพลิเคชัน NissanConnect Services ที่ให้ผู้ขับขี่สื่อสารกับรถได้จากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน  และฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Walk-Away Lock ที่เพิ่มความสะดวก และปลอดภัย โดยกุญแจอัจฉริยะจะล็อครถให้อัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่จอดรถ และเดินห่างออกไป และเปิดล็อคอัตโนมัติ เมื่อผู้ขับขี่เข้าใกล้รถ  และยังมีระบบ SOS ที่ให้ความอุ่นใจ ผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือผ่านระบบเสียงในรถยนต์ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ

นิสสัน เทอร์ร่า รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว “คันเดียวจบ ครบเกินคุ้ม” ให้ทุกการเดินทางน่าจดจำ กับการขับขี่ที่มั่นใจ ขับสนุก ปลอดภัย พร้อมเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bose Premium Audio ระบบเสียงรอบทิศทางกับลำโพงคุณภาพสูง 8 ตัวพร้อมแอมปลิฟายเออร์ นอกจากนี้ยังติดตั้งจอขนาด 11 นิ้วเพิ่มความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง HDMI และ Smart TV
 
Nissan e-POWER Challenge 2024 ขับมันส์ ประชันไอเดีย
ในวันที่ 5 ธันวาคม 2567 นิสสันจะจัดกิจกรรมพิเศษ แถลงข่าวโครงการ Nissan e-POWER Challenge 2024 ขับมันส์ ประชันไอเดีย การประกวดการผลิตคอนเทนท์วีดีโอ และแผนการตลาดสร้างสรรค์ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นในธีม e-POWER ใช่ ทุกไลฟ์สไตล์ ย้ำจุดเด่นของเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ พร้อมเปิดตัวทีมที่เข้ารอบสุดท้ายทั้ง 6 ทีม การประกวดดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการพัฒนาเยาวชนที่นิสสันให้ความสำคัญ และจัดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเน้นทักษะด้านการตลาดและการสื่อสาร

ก่อนหน้านี้ นิสสันได้เชิญชวนนิสิต นักศึกษา และนักเรียนระดับวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่มีความสนใจ เข้าร่วมผลิตคอนเทนท์บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ให้ความรู้และสร้างประสบการณ์ที่ดีเกี่ยวกับเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ และเผยแพร่บนช่องทางสื่อออนไลน์ของตนเอง ทีมที่มีผลงานดีที่สุดของแต่ละภาครวม 5 ภาค และทีมที่ได้รับยอดวิวสูงสุดจากทั้งหมดจะได้เข้าร่วมการแข่งขันในรอบสุดท้าย
 
ในการแถลงข่าว ทั้ง 6 ทีมที่เข้ารอบสุดท้าย ยังจะได้รับมอบรางวัลสำหรับผลงานที่ยอดเยี่ยมในรอบแรก ได้แก่ ทุนการศึกษาทีมละ 20,000 บาท รวมทั้งได้รับโจทย์ใหม่สำหรับการแข่งขันรอบสุดท้าย ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท พร้อมทริปไปญี่ปุ่น  นอกจากนี้ นิสสัน ยังได้เชิญกูรูด้านการตลาด และการผลิตคอนเทนท์ออนไลน์มาร่วมบรรยายให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทีมที่เข้ารอบ และผู้ที่สนใจที่แวะมาที่บูธนิสสันอีกด้วย  โดยการตัดสินรอบสุดท้ายจะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2568

ผู้ที่สนใจ สามารถแวะมาเยี่ยมชมบูธนิสสันในงานมหกรรมยานยนต์ ได้ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี 
 

4
หมอออนไลน์: มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemias)

มะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลิวคีเมีย ก็เรียก) หมายถึง มะเร็งที่เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาววัยอ่อนในไขกระดูกมีการเจริญแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ และกลายเป็นเซลล์ผิดปกติ (ไม่สามารถเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวตัวแก่ที่ทำหน้าที่แบบเม็ดเลือดขาวปกติ และมีการแก่ตัวและเซลล์ตายช้ากว่าปกติ) สามารถแพร่กระจายแทรกซึมไปอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม กระดูก สมอง อัณฑะ ผิวหนัง รวมทั้งแทรกซึมในไขกระดูก ทำลายกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดในไขกระดูก ก่อให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จนเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

มะเร็งเม็ดเลือดขาวมีอยู่หลายชนิด โดยหลัก ๆ แบ่งเป็น ชนิดเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากเซลล์วัยอ่อน (blast cell) มีอาการเกิดขึ้นฉับพลัน ลุกลามรวดเร็วและรุนแรง และชนิดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เริ่มเป็นตัวแก่ ลุกลามช้า และมีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป

หากแบ่งตามชนิดของเซลล์ต้นกำเนิดของโรค สามารถแบ่งเป็นเซลล์ที่จะเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (lymphocyte) และเซลล์ที่จะเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดอื่น รวมทั้งเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือด (myeloid cell/myelocyte)

มะเร็งเม็ดเลือดขาวจึงแบ่งเป็น 4 ชนิดใหญ่ ๆ  ได้แก่ acute lymphocytic (lymphoblastic) leukemia (ALL), acute myelogenous (myeloblastic) leukemia (AML), chronic lymphocytic leukemia (CLL) และ chronic myelocytic (myelogenous) leukemia (CML)

ทุกชนิดพบได้ในคนทุกวัย แต่อาจพบมากในเด็กหรือผู้ใหญ่แตกต่างกันดังนี้

    ชนิด ALL พบมากในเด็กอายุ 2-5 ปี (พบได้ถึงร้อยละ 80 ของมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก) อาจพบในผู้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งอายุมากกว่า 65 ปี
    ชนิด AML เป็นมะเร็งเม็ดเลือดที่พบได้มากที่สุด พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
    ชนิด CLL พบบ่อยในผู้ใหญ่ และมีความชุกของโรคมากขึ้นตามอายุ พบมากในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี
    ชนิด CML เป็นชนิดที่พบได้น้อย พบบ่อยในผู้ใหญ่อายุ 40-60 ปี พบได้น้อยในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี

สาเหตุ

ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เชื่อว่ามีปัจจัยทางกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติร่วมกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

ผู้ป่วยส่วนหนึ่งอาจพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เช่น

    การมีกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติ เช่น พบว่าผู้ที่เป็นกลุ่มอาการดาวน์ (Down’s syndrome) มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL และ AML มากกว่าคนปกติ ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด CML พบว่ามีโครโมโซมผิดปกติ (เรียกว่า Philadelphia chromosome) หรือผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL ก็อาจเป็นโรคนี้ร่วมด้วย
    ผู้ที่มีประวัติได้รับรังสีบำบัดหรือเคมีบำบัดมะเร็งชนิดอื่นมาก่อน บางรายก็อาจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเวลาหลายปีต่อมา
    ผู้ที่มีประวัติสัมผัสรังสีนิวเคลียร์ (เช่น ผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูหรืออุบัติเหตุจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์) หรือสารเบนซิน ก็พบว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป
    การสูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML
    ผู้ที่มีประวัติมะเร็งเม็ดเลือดขาวในครอบครัวมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากกว่าปกติ

อาการ

มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (ALL และ AML) มักมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันด้วยอาการไข้ ซีดหรือมีจ้ำเขียวพรายย้ำขึ้นตามตัว หรือมีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ประจำเดือนออกมากผิดปกติ ถ่ายเป็นเลือด

บางรายอาจมีอาการไข้ ปวดเมื่อย คล้ายไข้หวัดใหญ่ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด อาจเป็นไข้เรื้อรังเป็นแรมเดือน หรืออาการหนาวสั่น มีแผลเปื่อยในปาก ทอนซิลอักเสบ หรือปอดอักเสบเนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ

อาจมาพบแพทย์ด้วยอาการมีจ้ำเขียวตามตัว หรือมีเลือดกำเดาไหลซึ่งหยุดยากเนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ

ในระยะต่อมามักมีอาการซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาจมีอาการทางสมอง (เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อาเจียน ชัก ตามัว) อาการแน่นท้อง ปวดท้อง เนื่องจากตับโต ม้ามโต

บางรายอาจมีอาการเฉพาะที่ เช่น ปวดกระดูกและข้อ ตาโปน เหงือกบวม เป็นต้น

มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (CLL และ CML) ในระยะแรก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ ซึ่งอาจเป็นอยู่นานเป็นแรมปีและมักจะตรวจเช็กเลือดพบว่าเป็นโรคนี้โดยบังเอิญ

ในรายที่มีอาการ (ซึ่งมักเป็นโรคในระยะหลัง ๆ แล้ว) จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน รู้สึกแน่นท้องเนื่องจากม้ามโต

ต่อมาจะมีอาการซีด มีจ้ำเขียวตามตัวหรือเลือดออกง่าย ปวดกระดูกและข้อแบบเดียวกับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน

ในระยะท้าย มักมีโรคติดเชื้อง่าย อาจเกิดจากไวรัส (ที่พบบ่อยคืองูสวัด) แบคทีเรีย (เช่น สูโดโมแนส เคลบซิลลา) หรือเชื้อรา (เช่น แคนดิดา แอสเปอร์จิลลัส) ก็ได้

ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อย ได้แก่ การตกเลือด และการติดเชื้อแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้ ก็คือภาวะโลหิตเป็นพิษ เลือดออกในสมอง

ในรายที่เป็น AML และ acute promyelocytic leukemia อาจเกิดภาวะเลือดจับเป็นลิ่มทั่วร่างกาย (disseminated intravascular coagulation/DIC) เป็นอันตรายร้ายแรงได้

ในรายที่เป็นชนิด ALL อาจมีต่อมไทมัสโตกดท่อลม (ทำให้หายใจลำบาก) หรือท่อเลือดดำส่วนบน หรือ superior vena cava (ทำให้คอและแขนบวม)

ในรายที่เป็นชนิด CLL อาจกลายเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดร้ายแรง หรือมีโรคมะเร็งปอด ลำไส้ หรือผิวหนังเกิดตามมา และอาจก่อเกิดปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง (autoimmune) ต่อเม็ดเลือดแดงหรือเกล็ดเลือดได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน มักตรวจพบอาการไข้ ซีด จุดแดงจ้ำเขียว เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ตับโต ม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่ง (บริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ)

มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง ในระยะแรก ๆ อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน ต่อมาอาจพบอาการไข้ ม้ามโต และอาการแบบเดียวกับชนิดเฉียบพลัน

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือดพบเม็ดเลือดขาวมีจำนวนมาก อาจเป็นหลายหมื่นถึงหลายแสนตัวต่อเลือด 1 ลบ.มม. (ปกติจะมี 5,000-10,000 ตัว/ลบ.มม.) และพบเป็นเซลล์วัยอ่อนมากกว่าปกติ นอกจากนี้ อาจพบจำนวนเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ

แพทย์มักทำการตรวจไขกระดูก ซึ่งพบเซลล์วัยอ่อนจำนวนมาก

ในรายที่เป็นชนิดเฉียบพลัน แพทย์อาจทำการตรวจวิเคราะห์ทางกรรมพันธุ์ (cytogenetic analysis) ซึ่งสามารถนำไปพยากรณ์โรค

นอกจากนี้จะประเมินระยะของโรคด้วยการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม


การรักษาโดยแพทย์

นอกจากให้การรักษาตามอาการและแก้ไขภาวะแทรกซ้อน (เช่น ให้เลือด ให้ยาต้านจุลชีพรักษาโรคติดเชื้อ) แล้ว การรักษาที่จำเป็นและมีผลต่อการควบคุมโรคก็คือ การให้ยารักษามะเร็งหรือเคมีบำบัด (chemotherapy)

สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวทุกราย* ในปัจจุบันมียาเคมีบำบัดอยู่หลายกลุ่ม ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับชนิดและความรุนแรงของโรค อาจใช้เพียงกลุ่มเดียวหรือร่วมกันอย่างน้อย 2 กลุ่มขึ้นไป

นอกจากนี้ยังมีการรักษาโรคนี้ด้วยยาอื่น อาทิ อิมมูนบำบัด (immunotherapy) เช่น การฉีดลิมโฟไซต์ที่รับบริจาค (donor lymphocyte infusion) การใช้สารอินเตอร์เฟอรอน (interferon) หรืออินเทอร์ลิวคิน 2 (Interleukin-2) เป็นต้น, การรักษาแบบมุ่งเป้า (targeted therapy) ด้วยยากลุ่ม monoclonal antibody (เช่น rituximab) หรือยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีนไคเนส (tyrosine kinase inhibitor) (เช่น imatinib, nilotinib, dasatinib)

ในรายที่มีก้อนบวมมาก เพราะเซลล์มะเร็งสะสม เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต ตับโต ม้ามโต ก้อนที่อัณฑะ อาจจำเป็นต้องทำการฉายรังสี (รังสีบำบัด) ร่วมด้วย

ในบางรายแพทย์อาจพิจารณาทำการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด** โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีการเกิดโรคกลับ (relapse) หลังจากให้เคมีบำบัดจนโรคสงบ (remission) ไประยะหนึ่งแล้ว

ผลการรักษา ขึ้นกับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สภาพของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อการรักษา

ในปัจจุบันด้วยวิธีรักษาใหม่ ๆ เช่น การใช้ยารักษาแบบมุ่งเป้า (targeted therapy), การปลูกถ่ายไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิด ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวหายขาดหรือมีชีวิตที่ยืนยาวได้

* ยกเว้นผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิด CLL ซึ่งในระยะแรกจะไม่มีอาการ และโรคจะค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ แพทย์จะให้การรักษาแบบประคับประคอง และเฝ้าติดตามดูอาการอย่างต่อเนื่อง จะเริ่มให้เคมีบำบัดเมื่อผู้ป่วยมีอาการชัดเจนหรือมีการติดเชื้อซ้ำซาก เนื่องเพราะขณะไม่มีอาการ การให้เคมีบำบัดมีผลข้างเคียงซึ่งอาจไม่คุ้มกับประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับ

** โดยใช้ไขกระดูก/เซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดของผู้บริจาค (เรียกว่า allogenetic bone-marrow/stem cell transplantation) หรืออาจใช้ไขกระดูก/เซลล์ต้นกำเนิดของผู้ป่วยเอง (เรียกว่า autologous bone-marrow/stem cell transplantation) ซึ่งจะเก็บไขกระดูก/เซลล์ต้นกำเนิดขณะที่ผู้ป่วยอยู่ในระยะโรคสงบไว้ใช้ในภายหลัง ปัจจุบันนิยมทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดมากกว่าไขกระดูก เนื่องเพราะใช้เวลาฟื้นตัวสั้นกว่า และมีการติดเชื้อน้อยกว่า การรักษาโดยวิธีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น หรือหายขาดจากโรคได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้เรื้อรัง มีจุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ (เช่น มีเลือดกำเดาออก เลือดออกตามไรฟัน ประจำเดือนออกมากผิดปกติ) ซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แน่นท้องเรื้อรัง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด คลำได้ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ สารเบนซิน เป็นต้น อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคนี้

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

ข้อแนะนำ

1. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่ใช่โรคติดต่อ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดหรือเป็นญาติพี่น้องกับผู้ป่วยไม่ต้องกลัวว่าจะติดโรคจากผู้ป่วย

2. การรักษากับแพทย์ในโรงพยาบาลให้ผลดีมากกว่าการไม่รักษา ผู้ป่วยควรมีกำลังใจเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องตามที่แพทย์นัด และอดทนต่อผลข้างเคียงของการใช้ยาเคมีบำบัด (เช่น ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร) ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งมักเป็นเพียงชั่วคราว

3. ในปัจจุบันมีการพัฒนาวิธีการรักษาด้วยยากลุ่มใหม่ ๆ (ซึ่งใช้สะดวก ได้ผลดี และมีผลข้างเคียงน้อย) และการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น หรือบางรายอาจหายขาดได้

5
โพสฟรี ขายในไทย ทุกหมวดหมู่ / บิ๊กไบค์ ยามาฮ่า Yamaha YZF R9 ปี 2025
« เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2024, 19:18:35 น. »
บิ๊กไบค์ ยามาฮ่า Yamaha YZF R9 ปี 2025
N/A 

ยามาฮ่า Yamaha YZF R9 ปี 2025
ยามาฮ่า R9 ซูเปอร์สปอร์ตไบค์สายพันธ์ใหม่ล่าสุด ไลน์อัพใหม่ของ R-series ให้ความสนุกเร้าใจได้ทั้งบนถนนและแทร็คสนามแข่ง ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์ CP3 ที่คุ้นเคยกันดีจากในหลากหลายรุ่นของยามาฮ่า เมื่อติดตั้งบนแชสซีส์ซูเปอร์สปอร์ตระดับนี้ พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมากมาย

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Yamaha
   รุ่น                    ยามาฮ่า Yamaha YZF R9 ปี 2025
   ประเภทรถ          Sport Bigbike, Sport Bike
   ปีที่เปิดตัว          2025
   ราคา                  N/A

สเปค
   รูปแบบเกียร์         เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์           6 เกียร์
   รายละเอียดเครื่องยนต์     3 สูบ DOHC 12 วาล์ว
   ระบบระบายความร้อน      น้ำ
   ระบบสตาร์ท                 สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)     890 CC
   แบบเครื่องยนต์              4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด              T.C.I.
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง     เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน               หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)      14 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน            ล้อหน้า Telescopic fork, Ø 43 mm, ล้อหลัง link suspension, Swingarm
   ระบบเบรค                    ล้อหน้า ดิสก์เบรก (แบบลูกสูบคู่ 320 มม. + ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (แบบลูกสูบเดี่ยว 220 มม. + ABS)
   แบบวงล้อ                    แมกซ์
   ขนาดยาง                    ล้อหน้า 120/70 ZR17 M/C 58W เเบบไม่มียางใน, ล้อหลัง 180/55 ZR17 M/C 73W เเบบไม่มียางใน
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)   2,070 x 705 x 1,180 มม.
   น้ำหนักตัวรถ                     195.00 กก.
 

6
บริการด้านอาหาร: อาหารลดรอยเขียวช้ำ หลังศัลยกรรม
 
เชื่อว่า สาวๆหลายคนที่อยากมีหน้าตาที่สวยงาม หรืออยากที่จะมีใบหน้าที่เป็นเสน่ห์และอยากเป้นที่ประทับใจ คงจะหนีไม่พ้นการเข้าทำศัลยกรรม ซึ่งในปัจจุบันนี้ถือว่า การศัลยกรรม กำลังได้รับความนิยมมาก และเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ซึ่งใครที่เคยผ่านมีดหมอมาแล้ว จะทราบกันดีว่า หลังทำศัลยกรรมหลายๆคนอาจจะเกิดปัญหา รอยช้ำ ที่เกิดขึ้นหลังทำหัตถการ เหตุเกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกจึงทำให้มีเลือดเข้าไปสะสมบริเวณนั้น ผิวหนังจึงเปลี่ยนเป็นสีเขียวๆ ม่วงๆ หรือเป็นสีคล้ำ


เกิดขึ้นได้จากการกระแทกหรือแม้แต่หลังการผ่าตัดหลังจากการทำศัลยกรรมก็มีโอกาสที่จะทำให้เราเกิดรอยช้ำได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงวันที่2-3 วันหลังการศัลยกรรม และจะหายบวมช้ำไปเองใน 1-2 สัปดาห์ ปกติแล้วรอยช้ำนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ร้ายแรง และเมื่อถึงเวลาก็จะค่อยๆ หายไปได้เอง แต่ก็จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและอาหารการกินของเรา ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึง อาหารที่จะสามารถช่วยลดอาการฟกช้ำหรือรอยเขียวช้ำ หลังทำศัลยกรรมมาฝากกัน เพื่อให้สาวๆ ได้เลือกรับประทานอาหารได้อย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้กลับมาสวยไวๆ
 

หลายคนเชื่อว่า การดื่มน้ำมะพร้าวหลังจากทำศัลยกรรมจะช่วยลดอาการเขียวช้ำได้ ซึ่งน้ำมะพร้าว มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกายและบำรุงผิว เนื่องจากน้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 6 วิตามินซีฮอร์โมนเอสโตรเจน การดื่มน้ำมะพร้าวสดๆ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งหลังจากการผ่าตัดหรือทำศัลยกรรม จะช่วยลดอาการบวมและลดรอยช้ำได้เป็นอย่างดี ช่วยขับของเสีย ขับพิษออกจากร่างกาย ลดอาการกรดไหลย้อน ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิว จึงทำให้ผิวพรรณเต่งตึง เปล่งปลั่งสดใสได้นั่นเอง ต่อมาฟักทองหรือน้ำฟักทอง ซึ่งสามารถช่วยลดบวม ลดรอยเขียวช้ำได้


และยังรับประทานได้ง่าย รสชาติอร่อย อุดมไปด้วยวิตามิน A ช่วยรักษาอาการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัดได้ ส่งผลทำให้รอยช้ำหายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยดีท็อกซ์ขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยฟื้นฟูบำรุงสุขภาพผิว ให้เปล่งปลั่งสดใส ปกป้องไม่ให้ผิวเหี่ยวย่น นอกจากนี้ ใบบัวบก ก็ยังเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ลดรอยเขียวช้ำได้ เป็นอาหารที่หลายๆ คนนึกถึง เนื่องจากสรรพคุณของใบบัวบก คือการบำรุงการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดอาการบวมและบรรเทาอาการฟกช้ำ อย่างเช่น แผลผ่าตัดหรือแม้แต่รอยเล็กๆ และยังช่วยให้รอยแผลเรียบเนียนได้อีกด้วย


อาหารชนิดต่อมาก็คือ สาหร่าย ที่มีสรรพคุณช่วยลดบวมและลดรอยช้ำได้ เนื่องจากสาหร่ายเป็นพืชที่มีเส้นใย แร่ธาตุและแคลเซียมสูง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตร่างกายสามารถดูดซึมออกซิเจนได้อย่างปกติ ทำให้หลอดเลือดยืดหยุ่น และยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย เพราะมีใยอาหารช่วยให้รู้สึกอิ่มและช่วยลดปริมาณไขมันคอเลสเตรอลชนิดไม่ดีต่อร่างกายได้ รวมไปถึงถั่วดำ ช่วยลดอาการอักเสบจากการติดเชื้อหรืออาการอักเสบหลังผ่าตัดได้ ลดอาการอักเสบจากแผลอาการลดรอยช้ำก็จะลดลง และถั่วดำช่วยการขับสารพิษออกจากร่างกาย มีสารแอนโทไซยานิน ที่มีคุณสมบัติช่วยล้างพิษได้ และถั่วดำเป็นอาหารที่มีประสิทธิภาพสามารถดีท็อกซ์สารพิษภายในร่างกายได้มากกว่าส้มสูงถึง 10 เท่าเลยทีเดียว และสุดท้าย มะเขือเทศ ที่หลายคนชื่นชอบ


ยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซีและวิตามินเอ ช่วยลดช่วยลดโซเดียม ทำให้ลดรอยช้ำได้ดี ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงโรคร้ายต่างๆ ลดอาการการติดเชื้อการเสื่อมของร่างกายได้ดี เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ข้อเสื่อม โรคหลอดเลือด และโรคตาต้อกระจกได้ ทั้งหมดนี้คือ อาหารที่มีส่วนช่วยในการลดรอยเขียวช้ำหลังจากการทำศัลยกรรม แถมยังมีประโยชน์ในด้านการบำรุงระบบต่างๆของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อย่างไรก็ตาม เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย

7
จัดฟันบางนา: อาหารมีความสำคัญต่อสุขภาพช่องปากของเด็กอย่างไร

สุขภาพช่องปากที่ดีนั้น หลายคนอาจจะคิดถึงแค่เพียงฟันที่เรียงตัวสวยงามเมื่อยิ้ม แต่รู้หรือไม่ว่าช่องปากนั้นยังรวมไปถึง เหงือก ลิ้น ระบบประสาท กระพุ้งแก้ม กล้ามเนื้อที่คอยบดเคี้ยวอาหารยังรวมไปถึงข้อต่อและขากรรไกร เพื่อให้มีการรับประทานที่มีประสิทธิภาพ อวัยวะทั้งหลายเหล่านี้ล้วนทำงานสอดคล้องกัน ดังนั้นการมีสุขภาพช่องปากที่ดีนั้นไม่ได้หมายถึงการที่ไม่มีโรคเกี่ยวกับฟันเท่านั้นแต่หมายถึงภาวะที่ปราศจากโรคของฟันเหงือกและอวัยวะอื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับระบบการบดเคี้ยว ไม่มีการเจ็บ ไม่ปวด รวมไปถึงความผิดปกติอื่น ๆ เช่นกรณีแผลในช่องปากหรือมีหนอง การมีกินปากหรือแม้กระทั่งเนื้องอกต่าง ๆในช่องปาก

ซึ่งการมีสุขภาพช่องปากที่ดีจะส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตดีด้วย นั่นก็คือการรับประทานอาหารได้อย่างปกติและมีความสุข ซึ่งจะทำให้เจริญอาหารและมีสุขภาพที่ดี เราจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี หลักๆคือต้องอาศัยความใส่ใจรักษาความสะอาดของช่องปากให้ได้ นั่นคือการแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ รวมถึงในเรื่องของอาหารกันกินด้วย ควรจะใส่ใจเรื่องอาหาร เช่น ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีลักษณะเหนียวและแข็งบ่อย เนื่องจากว่าช่องปากจะต้องทำงานหนักซึ่งอาจจะมีผลทำให้ขากรรไกรมีการปวดได้ ยังไม่รวมถึงทำให้ฟันสึกกร่อน และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือพฤติกรรมการรับประทานอาหารจุกจิก ทำให้ฟันของเราน่าสัมผัสอาหารบ่อยขึ้นอาจจะส่งผลทำให้ปวดหัวมีโอกาสผุมากขึ้น

 ในวัยเด็กนั้นต้องการพลังงานมากเป็นพิเศษ จึงมักจะหิวบ่อยและต้องการกินอาหารว่างและขนมในระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งของว่างเหล่านั้นเป็นตัวการสำคัญที่เป็นเหตุทำให้เกิดฟันผุ ของว่างขนมเหล่านี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแต่กลับมีผล เสียต่อฟัน ทำให้เกิดโรคฟันผุ นอกจากนี้การที่ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปในช่วงก่อนอาหาร จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดชั่วคราว เป็นผลทำให้ไม่อยากอาหารและกินอาหารได้น้อยกว่าปกติ ทางเลือกอื่นสำหรับสำหรับเด็ก ซึ่งทราบดีว่าต้องการอาหารประเภทโปรตีนมาก และอาหารประเภทโปรตีนนี้ไม่มีผล ต่อฟันเสียด้วย คุณเริ่มต้นเสริมสร้างอุปนิสัยในการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แก่เด็กในวัยนี้เช่น ปลาหมึก หมูปิ้ง ลูกชิ้น น่องไก่ย่าง เพื่อทดแทนอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลดังกล่าว

นอกจากนี้อาหารประเภทถั่วชนิดต่าง ๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วปากอ้าทอด ข้าวโพดฝักจะไม่ทำให้เกิดฟันผุแล้ว การใช้ฟันทำหน้าที่บทเคี้ยวอาหารตามสมควรในการกินอาหารโปรตีนเหล่านี้ยังเป็นการบริหารเหงือกและฟัน เป็นการกระตุ้นการงอกของฟันถาวร ในรายที่กำลังจะมีการผลัดฟันน้ำนม อาหารเหล่านี้ยังกระตุ้นการเจริญเติบโตของขากรรไกรและใบหน้าให้ได้สัดส่วน ซึ่งอาจจะมีผลในการลดสภาวะฟันเกซ้อนได้ในบางกรณี นอกเหนือไปจากการป้องกันโรคฟันผุด้วย

 จะเห็นได้ว่าอาหารเนื่องจากมีผลต่อร่างกายทั้งระบบแล้วยังมีผลต่อสุขภาพในช่องปาก โดยเฉพาะต่อฟันในเด็ก ยังพบว่าอาหารฟันและสุขภาพทั่วไปนั้นมีความเกี่ยวข้องกันเป็นวัฏจักร หรือวงจรที่เป็นประโยชน์ให้คุณต่อร่างกายได้แก่ ฟันดี ไม่ผุ เคี้ยวอาหารได้ดี ร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วน ถูกต้อง เหมาะสมร่างกายจึงแข็งแรงเติบโต แต่ถ้าหากเป็นวัฏจักรที่เป็นโทษ กล่าวคือฟันผุ ปวดฟัน ไม่อยากเคี้ยวอาหารทำให้ได้รับอาหารไม่ครบส่วน ร่างกายไม่แข็งแรงและเจริญเติบโตไม่เต็มที่

การมีสุขภาพช่องปากที่ดีนั้นควรพบทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือนเพื่อให้ตรวจสุขภาพช่องปากของเรายังอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่หากเจอปัญหาจะได้ช่วยแก้ ใครปัญหาแต่เนิ่น ๆ แต่หากปล่อยปัญหาไว้เป็นระยะเวลายาวนานบางครั้งปัญหาในช่องปากเราอาจจะไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็สายไปเมื่อมาพบทันตแพทย์อีกครั้งนั้นอาจจะรักษายากขึ้นหรือไม่สามารถรักษาให้ฟันซี่นั้นนั้นกลับมาสู่ภาวะปกติดังเดิมได้ ผู้ปกครองสามารถรับคำปรึกษาที่คลินิก เรามีทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องสุขภาพช่องปากของวัยเด็กได้อย่างครบถ้วน

8
ทำบุญไหว้พระ 9 วัด ชลบุรี สะสมแต้มบุญ เสริมมงคลให้ชีวิต

ไหว้พระ 9 วัด ชลบุรี เหมาะกับการชวนเพื่อน ครอบครัว และคนรัก เดินสายทำบุญ เสริมสิริมงคลให้กับชีวิต เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ก็อิ่มบุญกันถ้วนหน้า

ครั้งนี้ขอเอาใจสายบุญกับการเดินสายไหว้พระ 9 วัด ชลบุรี จังหวัดท่องเที่ยวสุดฮิตใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่เที่ยวชลบุรียังมีวัดชื่อดังและได้รับความนิยมจากพุทธศาสนิกชนทั่วไปมาเที่ยววัดไหว้พระ ทำบุญ บ้างก็เสริมสิริมงคลให้กับชีวิต ทั้งยังได้เยี่ยมชมความสวยงามของสถาปัตยกรรม ซึ่งแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ความสวยงามแตกต่างกันไป ไม่เสียเวลา ตามไปสะสมแต้มบุญตามเช็กลิสต์นี้กันเลย

1. วัดแสนสุขวิสุทธิวราราม

           วัดสวยใกล้ชายหาดบางแสน ทั้งยังเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 30 ปี ซึ่งเมื่อเดินทางเข้ามาภายในบริเวณวัด สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจให้เข้าเยี่ยมชมนั่นคือ “มหาเจดีย์เกตุแก้วจุฬามณีอาสนสุขมหาวิหาร” ล้อมรอบทั้ง 4 ทิศ ด้วยพญานาค 7 เศียร ซึ่งมีสีแตกต่างกันไป ภายในมีองค์พระประธานสีทองตั้งเด่นอร่าม ชวนให้กราบไหว้สักการะ ไม่เพียงเท่านี้โดยรอบบริเวณวัดยังมีประติมากรรมปูนปั้นแดนสวรรค์-เมืองนรก รวมถึงมีศาลาจตุรมุขประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 นับเป็นอีกหนึ่งวัดชื่อดังที่ควรค่าต่อการมาเยี่ยมชม อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่บางแสนเอง

    ที่อยู่ : ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี

2. วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร

           เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร สังกัดธรรมยุติกนิกาย ภายในวัดล้อมรอบด้วยความเงียบสงบ  แวดล้อมด้วยธรรมชาติ รับรู้ได้ถึงความร่มรื่นทั้งกายและใจ พร้อมแวะสักการะพระมหาธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มากมาย เช่น “พระวิหารพระศรีอริยเมตไตรย” ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปทองเหลืองปางสมาธิพระนามว่า พระพุทธศรีอริยเมตไตรย “พระอุโบสถ” ที่ประดิษฐานพระประธานพระนามว่า สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์ “เจดีย์พุทธคยาจำลอง” ชมความสวยงามของสถาาปัตยกรรม ตลอดจนพิพิธภัณฑ์อริยสงฆ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

    ที่อยู่ : หมู่ 11 เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

3. วัดเขาตะแบก

           วัดใหญ่บนเนินเขาในอำเภอศรีราชา นอกจากพุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะนิยมเดินทางมาไหว้พระ ขอพร เสริมสิริมงคลให้กับชีวิตแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ กับสะพานสกายวอล์กให้นักท่องเที่ยวได้เดินมาเที่ยวชม โดยก่อนจะขึ้นไปถึงก็จะพบกับสะพานยาว โดยระหว่างสองข้างทางจะเต็มไปด้วยผ้าสี ๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมวัดเขาตะแบก โดยถัดไปเป็นทางขึ้นเขา บันไดค่อนข้างสูงชัน ใครที่อยากขึ้นเห็นทีว่าต้องออกแรงหน่อยก่อนที่จะเดินไปถึงสกายวอล์กสูงกว่า 25 เมตร และมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้อย่างกว้างไกล เป็นอีกหนึ่งมุมสวยที่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้

    ที่อยู่ : ทางหลวงหมายเลข 331 อำเภอหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

4. วัดใหญ่อินทาราม
           วัดสำคัญและเก่าแก่คู่จังหวัดชลบุรี สันนิษฐานว่าสร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “พระอุโบสถ” ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จประทับเมื่อครั้งออกจากพระนครศรีอยุธยาตอนใกล้จะเสียกรุงแก่พม่า ในปี พ.ศ. 2310 “พลับพลาตรีมุข” สร้างด้วยไม้เก่าแก่ มีพระพุทธรูปหล่อสำริดทรงเครื่องกษัตริย์งดงาม “หลวงพ่อเฉย” อันเป็นที่เลื่อมใสของชาวเมืองชลเป็นอย่างมาก ตลอดจนการได้ทัศนาภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครูที่งดงามอย่างภาพเขียนเรื่องทศชาติชาดก พระเวสสันดร และอื่น ๆ ซึ่งล้วนมีคุณค่าในแง่ประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง

    ที่อยู่ : ถนนเจตน์จำนงค์ ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี

5. สำนักสงฆ์เขาพระครู

           สถานที่ปฏิบัติธรรมที่ตั้งอยู่บนยอดเขากลางเมืองศรีราชา ซึ่งทางสำนักสงฆ์เขาพระครูได้จัดปฏิบัติธรรมบวชเนกขัมมะบารมีถือศีล 8 ในวันเสาร์-อาทิตย์ ทุก 2 สัปดาห์ และจัดปฏิบัติธรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและวันสำคัญอื่น ๆ ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปไหว้พระ ทำบุญ ต่อองค์พระพุทธลีลานาคะบารมี ซึ่งเป็นองค์พระประธานขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่กลางลานปฏิบัติธรรม ตลอดจนรายละเอียดความสวยงามของสถาปัตยกรรมยิ่งชวนให้ต้องมนตร์สะกด รวมถึงยังเพลิดเพลินกับการชมวิวเมืองศรีราชา ทั้งวิวทะเลและภูเขาแบบสุดลูกหูลูกตา อย่าลืมลองหาเวลาในวันหยุดแวะมาเที่ยวกันดู

    ที่อยู่ : อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

6. วัดหลวงพี่แซม
            วัดหลวงพี่แซม หรือวัดถ้ำลอดมหาจักรพรรดิ์ เมื่อเข้ามายังวัดแห่งนี้จะสัมผัสได้ถึงความสงบศักดิ์สิทธิ์ โดยหนึ่งในไฮไลต์การเยี่ยมชมวัดแห่งนี้คือ ถ้ำลอดมหาจักรพรรดิ์ ภายในถ้ำมีองค์อนันตนาคราช 7 เศียรอยู่กลางบ่อน้ำ บรรยากาศเหมือนอยู่ในเมืองบาดาล แวดล้อมด้วยแสงสีของไฟและบรรดาลูกแก้วที่เหล่าพุทธศาสนิกชนนำมาถวาย นอกจากนี้ยังสามารถเยี่ยมชมพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง หรือหลวงพ่อยิ้มเปิดฟ้า เชื่อกันว่าใครได้มากราบไหว้ก็จะพบแต่ความสุขและความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจหวัง

    ที่อยู่ : ทางหลวงหมายเลข 331 ตำบลหนองปรือ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี

7. วัดห้วยใหญ่
            อีกหนึ่งวัดที่คนนิยมเดินทางมาไหว้พระ ทำบุญ เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างอยู่บนที่ดินของสองสามีภรรยา คือ คุณโพธิ์และคุณเผือก ซึ่งได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัดนี้โดยเฉพาะ และวัดนี้ยังเป็นที่รู้จักจากเกจิอาจารย์ชื่อดัง “อาจารย์ก้าน” หรือ “พระภัทรกิจวิบูลย์” เจ้าอาวาส ที่ทำให้วัดมีชื่อเสียงและโด่งดังมากยิ่งขึ้น แม้ปัจจุบันจะละสังขารไปแล้ว หากแต่ทางวัดก็ยังเก็บสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยไว้ในโลงแก้ว เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายได้มากราบไหว้ ตลอดจนการร่วมพิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงและรับน้ำพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตอีกด้วย

    ที่อยู่ : ทุ่งกลม-ตาลหมัน เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

8. วัดช่องแสมสาร
            วัดชื่อดังคู่ชุมชนช่องแสมสาร ตั้งอยู่บนยอดเขา ภายในพระวิหารประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปปางสมาธิ ใบหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาทอดต่ำราวกับแผ่เมตาให้กับทุกคนที่เดินทางมากราบไหว้ ตลอดจนเป็นที่พึ่งทางใจของชาวประมงอีกด้วย โดยรอบวิหารล้อมรอบด้วยรูปปูนปั้นภาพเทพเทวดาและพระพุทธประวัติ ดูสวยงามตระการตา ด้วยเพราะตั้งอยู่บนเขาจึงทำให้ล้อมรอบด้วยวิวทะเลแสมสารและเกาะต่าง ๆ กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมวิวสวย นอกจากจะได้บุญแล้วยังถือว่าได้มาเก็บเกี่ยวความสวยงามของธรรมชาติไปด้วยในตัว

    ที่อยู่ : ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

9. วัดหนองจับเต่า
            หนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชลบุรี เมื่อเข้ามาภายในวัดจะเจอกับพระอุโบสถสีขาวสวย สะดุดตาด้วยศิลปะปูนปั้นงดงาม โดยแต่ละช่องบานหน้าต่างประดับด้วยปูนปั้นพญานาคสีแดง ด้านในมีองค์พระประธานสีทองอร่าม และอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาดคือ พญาเต่าองค์ใหญ่ ตั้งอยู่ข้างบริเวณพระอุโบสถ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องโชคลาภ รวมถึงหากใครลอดใต้ท้องพญาเต่า เชื่อว่าจะมีอายุที่ยืนยาว สุขภาพร่างกายแข็งแรง และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย
วัดหนองจับเต่า

    ที่อยู่ : ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

9
โพสฟรี ขายในไทย ทุกหมวดหมู่ / รถไฟฟ้า ev Aion Y Plus 410 premium ปี 2024
« เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2024, 17:33:17 น. »
รถไฟฟ้า ev Aion Y Plus 410 premium ปี 2024
895,900 บาท 

Aion Y Plus 410 premium ปี 2024
Aion Y Plus 410 Premium เป็นรถรุ่นไฮไลต์ยอดนิยมของ AION ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากนับตั้งแต่การเปิดตัว โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มไฟฟ้าบริสุทธิ์ AEP ชั้นนำของอุตสาหกรรม แพลตฟอร์มนี้รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ความปลอดภัยสูง AION Y Plus ยังมีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ความชาญฉลาดขั้นสูง และความสวยงามที่น่าดึงดูด ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ AION Y Plus กลายเป็นรุ่นที่ขายดีได้ไม่ยาก

รายละเอียดเบื้องต้น

   แบรนด์               Aion
   รุ่น                     Aion Y Plus 410 premium ปี 2024
   ประเภทรถ          Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา                  895,900 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
ระบบควบคุมระยะการจอด (เรดาห์ท้ายรถ)
ราวหลังคา (สีเงิน)
ไฟหน้า LED
ไฟท้าย LED
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (เปิด-ปิดได้ พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า)
ขนาดยางหน้า-หลัง (215/50 R18)
ไฟ Daytime Running Lights (LED)
ล้ออัลลอย (18 นิ้ว)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (มีหลายโทนสี)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
ม่านบังแดด (เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (โหมดการขับขี่ ECO / Normal / Sport)
พวงมาลัยไฟฟ้า (EPAS)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                  มอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    แรงม้า
   ระบบเกียร์                      เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS               มี
   ชนิดแบตเตอรี่                ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่             50.66 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง      410 กม. (มาตรฐาน NEDC)
   น้ำหนักตัวรถ                        1,670 กก.
   ประเภทยางรถยนต์                   -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                     ล้ออัลลอย (18 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                   ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กุญแจรีโมท (Smart Keyless Entry)
ไฟเบรกดวงที่ 3 (LED)
ระบบป้องกันสำหรับกระจกไฟฟ้า (ป้องกันการหนีบ)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลน,ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ)
เข็มขัดนิรภัย
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS)
กล้อง (มองภาพรอบคัน 360 องศา)
เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Forward Collisio
เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking - IEB)
เบรกมือไฟฟ้า (และ Auto Brake Hold)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX)
เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย (เบาะนั่งคู่หน้า)

10
Mitsubishi Triton 2024: Mitsubishi จัดแสดงรถต้นแบบ “All-New Triton” พร้อมรับจองรถ All-New Mitsubishi Triton

มิตซูบิชิ ขนทัพสุดยอดยนตรกรรมล้ำสมัย นำโดย Mitsubishi XRT Concept รถต้นแบบของรถกระบะ “All-New Triton”

ร่วมด้วย Mitsubishi Xpander Cross ที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ และผู้ที่รักการผจญภัยและออกทริปเอาท์ดอร์ Mitsubishi Pajero Sport 2.4D 4WD Elite Edition มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Full-Time All Wheel Control เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง Mitsubishi Triton Mega Cab 2WD 2.5 GLX 5MT ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างที่ดีเยี่ยมเพื่อสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมได้ดั่งใจพร้อมสำหรับการบรรทุกหนัก และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถต้นแบบ

มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ต่างรอคอยการเปิดตัวรถกระบะโฉมใหม่ “All-New Triton” ว่า “Mitsubishi Triton เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดที่แตกต่างและโดดเด่น และมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยภายในงานนี้ จะมีการจัดแสดง Mitsubishi XRT Concept รถต้นแบบของรถกระบะ “All-New Triton” เพื่อตอบรับกระแสที่หลายคนกำลังรอคอยการเปิดตัว “All-New Triton” อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้อีกด้วย”

“All-New Triton ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี จะมาพร้อมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น แรงเต็มขั้น ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมด้วยแชสซีส์ใหม่ยกชุดที่จัดเต็มความแข็งแกร่งทนทาน ยกระดับสู่อีกขั้นของการขับขี่ที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ควบคุมง่ายคล่องตัว สะดวกสบายและปลอดภัยกว่า เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองและบนเส้นทางออฟโรด ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวาง ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ให้ความสะดวกสบายเหนือระดับ และยังมีพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบและการบรรทุกเชิงพาณิชย์” มร. โคอิโตะ กล่าว

ผู้เข้าร่วมงาน ‘ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023’ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “ออล-นิว ไทรทัน ขับมันส์ ก่อนใคร !” (ALL-NEW TRITON REV UP & WIN)  เพื่อเป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุดในโลกก่อนใคร พร้อมรับ 3 ข้อเสนอพิเศษสุดเร้าใจจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทั้งชุดแต่งแท้รอบคัน เสริมพลังหล่อเข้มเต็มพิกัด และชุดของขวัญรุ่นลิมิเต็ด ‘ออล-นิว ไทรทัน ลิมิเต็ด บ็อกซ์เซ็ต’ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ ทริปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างจุใจ รวมทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 240,000 บาท  โดยลูกค้าที่สนใจ สามารถดูข้อมูลรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติม


ภายในงาน ยังมีการจัดแสดงสุดยอดยนตรกรรมจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส รุ่นต่างๆ ประกอบด้วย Mitsubishi Xpander Cross ใหม่ ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่ชื่นชอบการผจญภัยและมีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและฟังก์ชั่นที่ครบครันผสมผสานความเป็น “เอสยูวี และ ครอสโอเวอร์” ไว้อย่างลงตัว พร้อมด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ โฉบเฉี่ยว โดดเด่นทันสมัย สะท้อนความหรูหราผสานดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน พร้อมวัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมี่ยม เสริมความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย  “ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง” (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกระหว่างเข้าโค้ง เพิ่มความปลอดภัยและเสถียรภาพในการขับขี่ ให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้มากกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่หลากหลายรองรับการใช้งานในทุกรูปแบบของครอบครัวยุคใหม่ ที่รักการผจญภัยและชื่นชอบกิจกรรมเอาท์ดอร์


อีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงาน คือ Mitsubishi Pajero Sport 2.4D 4WD Elite Edition ที่มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Full-Time All Wheel Control เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift เทคโนโลยีครบครันด้วยระบบปรับอากาศ nanoeTMX  มอบอากาศสะอาดและสดชื่นภายในห้องโดยสาร ชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยม Mitsubishi Power Sound System (MPSS) ลำโพง 8 ตำแหน่ง สะดวกสบายขั้นสุดด้วยเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่ รองรับทุกสรีระ และเบาะหนังสังเคราะห์ คุณสมบัติสะท้อนความร้อน QUOLE MODURE


ตามด้วย Mitsubishi Triton Mega Cab 2WD 2.5 GLX 5MT ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างที่ดีเยี่ยมเพื่อสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมได้ดั่งใจพร้อมสำหรับการบรรทุกหนัก พร้อมด้วยไฟท้ายและไฟเบรก LED พร้อมไฟตัดหมอก ระบบความปลอดภัยครบครัน ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS และ EBD รัศมีวงเลี้ยวที่แคบและความสูงใต้ท้องรถที่สูง ทำให้รถกระบะรุ่นนี้รองรับการใช้งานอย่างอเนกประสงค์ มีความคล่องตัวสูง ดีไซน์ที่มีสไตล์ โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นปกติหรือนำไปตกแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้

11
สุขภาพดี: เทคโนโลยีศัลยกรรมเพื่อการแก่ชรา แนวโน้มด้านสุขภาพที่กำลังเพิ่มขึ้น

เทคโนโลยีการผ่าตัดเพื่อชะลอวัยครอบคลุมถึงขั้นตอนทางการแพทย์ขั้นสูงที่เน้นไปที่การบรรเทาผลกระทบของการแก่ก่อนวัย ซึ่งแตกต่างจากการศัลยกรรมเสริมความงามแบบดั้งเดิมที่เน้นที่รูปลักษณ์ภายนอก เทคโนโลยีนี้ผสมผสานเทคนิคที่ล้ำสมัยเพื่อรักษาการแก่ก่อนวัยในระดับชีวภาพที่ลึกกว่า โดยมักเกี่ยวข้องกับการรักษาแบบฟื้นฟู การซ่อมแซมเนื้อเยื่อและวิธีการผ่าตัดที่สร้างสรรค์

ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ทั้ง สัญญาณ ภายนอกของการแก่ก่อนวัยและปัญหาสุขภาพภายใน สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและรูปลักษณ์ภายนอกมากขึ้น ทำให้เทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย

เทคโนโลยีที่น่าสนใจในปัจจุบัน
ศัลยกรรมแผลเล็ก เจ็บน้อย หายเร็ว: เทคนิคการผ่าตัดที่เน้นความละเอียดอ่อน ทำให้แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การปรับรูปหน้าด้วยเทคโนโลยี: ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือการยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่องมือต่างๆ ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีมิติมากขึ้น
การดูแลผิวพรรณด้วยเลเซอร์: เลเซอร์มีบทบาทสำคัญในการรักษาปัญหาผิวต่างๆ เช่น รอยแผลเป็น ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย
เวชศาสตร์ชะลอวัย: การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อชะลอความเสื่อมของร่างกายและเพิ่มคุณภาพชีวิต

ส่วนประกอบหลักของเทคโนโลยีการผ่าตัดเพื่อชะลอวัย
เวชศาสตร์ฟื้นฟู : สาขานี้ใช้เซลล์ต้นกำเนิด ปัจจัยการเจริญเติบโต และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายและส่งเสริมให้ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ มีสุขภาพดีขึ้นการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดได้กลายมาเป็นรากฐานที่สำคัญในสาขานี้ โดยช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตามธรรมชาติจากภายใน

ขั้นตอนการผ่าตัดแบบรุกรานน้อยที่สุด : ด้วยการพัฒนาของการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์และการรักษาด้วยเลเซอร์ทำให้การผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับวัยชราสามารถทำได้มากขึ้นโดยมีเวลาพักฟื้นน้อยลง มีแผลเป็นน้อยลง และมีเวลาพักฟื้นที่เร็วขึ้น ขั้นตอนเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการปรับปรุงที่เห็นได้ชัดโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัดแบบดั้งเดิม

การแพทย์แม่นยำ : การวินิจฉัยขั้นสูง เช่น การตรวจทางพันธุกรรม ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าใจกระบวนการชราภาพเฉพาะบุคคลของผู้ป่วยได้ จากนั้นจึงนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการสร้างแผนการรักษาเฉพาะบุคคลซึ่งเน้นที่การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอายุ ตั้งแต่สุขภาพของเซลล์ไปจนถึงการทำงานของระบบเผาผลาญ

เทคนิคการแฮ็กชีวภาพ : แนวคิดของการแฮ็กชีวภาพ ซึ่งผู้คนใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของร่างกาย ได้พัฒนามาเป็นการแทรกแซงตามวัยด้วยการผ่าตัด เทคโนโลยี เช่นการฝังอุปกรณ์หรืออุปกรณ์กระตุ้นประสาทกำลังถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงการทำงานของสมอง ควบคุมระบบร่างกาย และชะลอการเสื่อมถอยที่เกี่ยวข้องกับอายุ


เพราะเหตุใดเทรนด์นี้จึงได้รับความนิยม?

เนื่องจากอายุขัยเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้น ผู้คนจำนวนมากขึ้นจึงไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการมีอายุยืนยาวขึ้นเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ด้วย เทคโนโลยีการผ่าตัดเพื่อชะลอวัยจึงตอบสนองด้วยการผสมผสานการต่อต้านวัยเข้ากับการปรับปรุงสุขภาพโดยรวมโดยนำเสนอวิธีแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอายุทั่วไป เช่น:

การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ (ซาร์โคพีเนีย)
ริ้วรอยและความยืดหยุ่นของผิว
การทำงานของสมองลดลง
โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด
ความสามารถในการรับมือกับวัยชราในระดับโมเลกุลและย้อนกลับผลกระทบเชิงลบบางประการได้จุดประกายความสนใจอย่างล้นหลาม ผู้ป่วยไม่มองหาทางแก้ไขชั่วคราวอีกต่อไป แต่แสวงหาการปรับปรุงสุขภาพในระยะยาวมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านทางเลือกการผ่าตัดที่สร้างสรรค์


อนาคตของเทคโนโลยีการผ่าตัดเพื่อชะลอวัย

อนาคตของเทคโนโลยีด้านสุขภาพสัญญาว่าจะมีการพัฒนาที่น่าตื่นเต้น ยิ่งขึ้น ในด้านการผ่าตัดเพื่อชะลอวัย เราคาดหวังได้ว่าจะมีการผสานรวมAI และการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนต่างๆ การติดตามผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้และนาโนเทคโนโลยีเพื่อส่งมอบการรักษาในระดับเซลล์ นวัตกรรมเหล่านี้จะทำให้การรักษาเพื่อชะลอวัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และปรับให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล

เทคโนโลยีการผ่าตัดเพื่อชะลอวัยกำลังกำหนดอนาคตของสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายโดยเน้นที่ทั้งด้านสุนทรียศาสตร์และด้านชีววิทยาของการแก่ชรา เทคโนโลยีดังกล่าวจะพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่องและช่วยให้ผู้คนสามารถแก่ชราได้อย่างสง่างามในขณะที่ยังคงรักษาสุขภาพที่ดีให้อยู่ในระดับที่ดีที่สุด

12
motor show 2025: New Toyota Corolla Altis ปรับปรุงใหม่ นำโดย HEV GR Sport สปอร์ตเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยการตกแต่งสไตล์ TOYOTA GAZOO Racing

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ NEW COROLLA ALTIS ออกแบบใหม่ในรุ่น HEV GR SPORT สปอร์ตเร้าใจยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ทั้งภายนอก และภายในที่ตกแต่งสไตล์ TOYOTA GAZOO Racing โดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม มั่นใจได้ในขุมพลังไฮบริด แบตเตอรี่ไฮบริดใหม่ แบบ Lithium-ion ตอกย้ำแนวคิด TOYOTA TRUSTED HEV ประหยัดน้ำมัน ศูนย์บริการและช่างผู้เชี่ยวชาญที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงแนะนำทางเลือกสีภายนอกใหม่ในทุกรุ่นย่อย พร้อมส่งมอบความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 นี้ เป็นต้นไป

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ส่ง NEW COROLLA ALTIS รถยนต์นั่งยอดนิยมของคนไทย ที่มาพร้อมความคุ้มค่า และโดดเด่นด้าน QDR ได้แก่ Quality คุณภาพ, Durability ความทนทาน และ Reliability ความน่าเชื่อถือ ด้านสมรรถนะการขับขี่ เหนือกว่าด้วย Toyota New Global Architecture หรือ TNGA ทนทานต่อแรงบิดได้เป็นอย่างดี แข็งแกร่ง และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ตอบสนองแม่นยำ ทำให้มีการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม สามารถควบคุมรถได้ดั่งใจ และมอบทัศนวิสัยดีเยี่ยม โดย NEW COROLLA ALTIS ยังคงโดดเด่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน สามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อล้ำสมัยอย่างแอปพลิเคชัน T-CONNECT และมั่นใจได้สูงสุดด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก

NEW COROLLA ALTIS นำโดยรุ่น HEV GR SPORT ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฮบริดที่สร้างชื่อเสียงและความไว้วางใจในประเทศไทยกับเทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้า ด้วยแนวคิด "TOYOTA TRUSTED HEV" ที่ผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างลงตัว ประหยัดยิ่งกว่าเคยด้วยอัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ออกแบบสะท้อนจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต ภายนอกดีไซน์สไตล์ GR ทั้งกระจังหน้า, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว, ไฟท้าย Full LED แบบ Clear Lens มาพร้อมทางเลือกสีภายนอกใหม่ Platinum White Pearl with Black Roof และ Red Mica Metallic with Black Roof ภายในตกแต่งพิเศษ มอบอารมณ์สปอร์ต ด้วยการตกแต่งด้ายสีแดงบริเวณเบาะนั่ง และมีการตกแต่งสัญลักษณ์ GR ตามจุดต่างๆ รวมทั้งมีการปรับจูนเพื่อให้ตัวรถมีสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า, Shock Absorber, Coil Spring และ Rear Stabilizer Bar โดย NEW COROLLA ALTIS อีก 3 รุ่นย่อย ยังมาพร้อมกับสีภายนอกใหม่ คือสีเทา Cement Gray Metallic
 

เร้าใจสไตล์ GAZOO Racing ทั้งดีไซน์ และสมรรถนะด้วย NEW COROLLA ALTIS รุ่น HEV GR SPORT เครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร ที่สะท้อนจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ GR ผสานความสปอร์ตกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร แบตเตอรี่ไฮบริดแบบ Lithium-ion พร้อมการปรับแต่งสมรรถนะสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าและพาร์ทช่วงล่าง พร้อมทางเลือกสีภายนอกใหม่ 2 สี

การออกแบบใหม่ เฉพาะรุ่น GR SPORT จะมี กันชนหน้าและกระจังหน้าสีดำเงา ใหม่, หลังคาสีดำเงา ใหม่, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา ใหม่, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว ใหม่ และ ไฟท้าย Full LED แบบ Clear Lens ใหม่

ภายในมีการเพิ่มความสปอร์ตในหลาย ๆ จุด อาทิ เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต หนัง Suede แบบเจาะรูและหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และ Lumbar Support แบบไฟฟ้า ใหม่, เข็มขัดนิรภัยสีแดงสไตล์ GR SPORT ใหม่


ภายในเดินด้ายสีแดง ตกแต่งสีแดงและสีเงิน Smoked Silver ใหม่, พวงมาลัยตกแต่งสัญลักษณ์ GR ใหม่, ปุ่ม Push Start และ Smart Key ตกแต่งสัญลักษณ์ GR

สมรรถนะโดดเด่น มั่นใจ ปรับแต่งพิเศษ เฉพาะรุ่น GR SPORT ด้วย Electric Power Steering พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ปรับแต่งเฉพาะรุ่น GR SPORT ใหม่, Shock Absorber ดูดซับแรงสั่นสะเทือนให้การขับขี่มั่นใจได้มากยิ่งขึ้น, Coil Spring คอยล์สปริงปรับแต่งโดยเฉพาะเพื่อการขับขี่ที่มั่นคงและนุ่มนวลและRear Stabilizer Bar ลดอาการโคลงขณะเข้าโค้ง ยึดเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมาพร้อม แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ใหม่, สัญลักษณ์ TOYOTA HEV ใหม่

นอกจากนี้ HEV GR SPORT ยังมี ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guiding, จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay  และ  Android Auto แบบไร้สาย, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ HUD (Head Up Display), อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา, nanoeX ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารช่วยขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค,
Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ, เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)

HEV PREMIUM & 1.8 Sport

NEW COROLLA ALTIS รุ่น HEV PREMIUM มั่นใจสูงสุด ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตรจากโตโยต้า ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ด้วยอัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ E-CVT

ทำงานร่วมกับช่วงล่าง TNGA จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวและเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างหลังอิสระแบบ Double Wishbone ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ เกาะถนนดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม และระบบความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense พร้อมสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่ แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ใหม่, สัญลักษณ์ TOYOTA HEV ใหม่

อีกทางเลือกในการขับขี่ด้วย 1.8 Sport กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังส่งสูงถึง 140  แรงม้า ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ทำงานร่วมกับช่วงล่าง TNGA ที่มาพร้อมกับจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วงล่างหลังอิสระแบบ Double Wishbone ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ควบคุมง่าย ระบบความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense และตัวเลือกสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic


ภายนอกของ  HEV PREMIUM มากับกระจังหน้าดีไซน์ Polygon, ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guidingและไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วโครเมียม, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ส่วน 1.8 Sport จะเป็นกระจังหน้าดีไซน์ Polygon และไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วโครเมียม โดยทั้งคู่จะได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

ส่วนภายในของทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็จะได้หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ ได้ถึง 0 กม./ชม. (All Speed Dynamic Radar Cruise Control), ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรกมือไฟฟ้า

ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า  8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support แบบไฟฟ้า, เบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ, Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย, เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)


NEW COROLLA ALTIS รุ่น 1.6G คุ้มค่า สเปกครบครัน ประหยัดน้ำมันด้วย เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย เบาะนั่ง สะดวกสบาย กว้างขวาง เพิ่มความยืดหยุ่นของพื้นที่เก็บสัมภาระด้วยเบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ทั้งยังปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยสัญญาณเตือนกะระยะ และจอมองภาพขณะถอยหลัง มาพร้อมตัวเลือกสีภายนอกใหม่สีเทา Cement Gray Metallic

และสเปกที่คุ้มค่า เป็นเจ้าของได้ในราคาที่เข้าถึงง่าย ภายนอกมากับกระจังหน้าสีดำสไตล์สปอร์ต, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ส่วนภายในมากับหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง

กับเบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40, กล้องมองภาพขณะถอยหลัง และสัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ และ  Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย 

เลือกเป็นเจ้าของ NEW COROLLA ALTIS
รุ่น HEV GR SPORT ราคา 1,129,000 บาท
รุ่น HEV PREMIUM ราคา 1,009,000 บาท
รุ่น 1.8 SPORT ราคา 979,000 บาท
รุ่น 1.6G ราคา 894,000 บาท

สำหรับสีภายนอกพิเศษ เฉพาะรุ่น HEV GR SPORT จะมี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Platinum White Pearl with Black Roof ใหม่ (ราคาเพิ่ม 15,000 บาท), สีแดง Red Mica Metallic with Black Roof ใหม่ (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท) และ สีดำ Attitude Black Mica ส่วนสีภายนอก รุ่น HEV PREMIUM, 1.8 SPORT และ 1.6G จะมี 5 สีให้เลือกได้แก่ สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่ (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท), สีขาวมุก Platinum White Pearl (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท), สีเงิน Metal Stream Metallic, สีเทา Celestite Gray Metallic และ สีดำ Attitude Black Mica

พิเศษสุด ตัดสินใจเป็นเจ้าของ NEW COROLLA ALTIS ทั้ง 4 รุ่น ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 รับข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 1.65% (คำนวณที่ดาวน์ 25% ขึ้นไป นาน 48 เดือน สำหรับผู้ซื้อ ที่ผ่านการอนุมัติโตโยต้าลีสซิ่ง) และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง PHYD*
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด ขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี พร้อม รับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (รุ่น HEV GR SPORT และรุ่น HEV PREMIUM)
รับข้อเสนอพิเศษขยายระยะเวลาการคุ้มครอง (มูลค่า 30,000 บาท) ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด จาก TCFR Plus+
พิเศษอีกสองต่อ กับ TOYOTA CARNIWOW "เทศกาลออกรถสุดว้าว" ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น
WOW ที่ 1 เพียงสแกน QR Code ผ่านทางสื่อประชาสัมพันธ์ และนำ SMS ไปแสดง ณ โชว์รูมที่ต้องการจองรถหรือที่ปรึกษาการขาย รับส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท หรือส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 1.5%
WOW ที่ 2 เพียงลงทะเบียน WOWที่ 1 และออกรถภายใน 31 ธันวาคม 2567 ลุ้นรับรางวัล WOW ที่ 2 ต่ออีกเพียบ
* เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน บริการข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
 
สัมผัสความตื่นเต้น เร้าใจใหม่ กับ NEW COROLLA ALTIS ณ Toyota ALIVE บางนา และโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
และที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
วันที่ 14-17 พฤศจิกายน    2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต 
วันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่
วันที่ 11-15 ธันวาคม 2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่
วันที่ 5-19 มีนาคม 2568 ณ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ โคราช
วันที่ 27-30 มีนาคม 2568 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เชียงราย

พลาดไม่ได้ กับการโชว์สมรรถนะของ NEW COROLLA ALTIS รุ่น “HEV GR SPORT” โดยนักแข่ง TOYOTA GAZOO Racing Team Thailand
ในช่วง Night Show ของการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing Thailand สนามที่ 4 วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ และภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 “Thailand International Motor Expo 2024” วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ  อาคารชาเลนเจอร์1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

13
ขายรถราคาพิเศษ Mitsubishi XPander Cross ปี2023 ไมล์น้อย ราคาพิเศษ

มิตซูบิชิ Mitsubishi Xpander Cross ปี 2023
Mitsubishi Xpander Cross รถยนต์เอสยูวี 7 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ใหม่สไตล์โฉบเฉี่ยว สะท้อนความหรูหราผสานดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ และผู้ขับขี่ที่รักการผจญภัยและออกทริปเอาท์ดอร์ ด้วยฟังก์ชั่นระบบการขับขี่สุดล้ำสมัยที่เหนือกว่ารถในรุ่นเดียวกัน อย่างเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ “เอวายซี” (Active Yaw Control: AYC) ให้ความปลอดภัย เสถียรภาพการทรงตัว และความสะดวกสบายสูงสุด ในหลากหลายสภาพถนนและสภาพอากาศที่แตกต่าง มากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT ตอบสนองการทำงานกับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
ฟรี ประกันหลังการขาย เครื่อง เกียร์ (ส่งซ่อมห้าง) 1 ปี / 10,000 กม.
ฟรี บริการเซ็นต์เอกสารจัดไฟแนนซ์ถึงบ้านทั่วไทย

ราคาพิเศษ 628,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                    Mitsubishi
   รุ่น                         มิตซูบิชิ Mitsubishi Xpander Cross ปี 2023
   ประเภทรถ                รถอเนกประสงค์ MPV
   ปีที่เปิดตัว                2023


14
โพสฟรี ขายในไทย ทุกหมวดหมู่ / หมอออนไลน์: ซิฟิลิส (syphilis)
« เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2024, 16:52:53 น. »
หมอออนไลน์: ซิฟิลิส (syphilis)

ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อหลายระบบและภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้มากกว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น ๆ และมีระยะแฝงตัวของโรคที่ค่อนข้างยาวนาน ซึ่งสามารถแพร่ให้คู่สมรสและทารกในครรภ์ได้

โรคนี้พบได้บ่อยรองจากหนองใน

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อซิฟิลิส ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีชื่อว่า เทรโพนีมาพัลลิดัม (Treponema pallidum) ติดต่อโดยการร่วมเพศ เชื้อจะเข้าทางรอยถลอกหรือบาดแผลเล็กน้อย หรืออาจไชเข้าเยื่อบุผิวของท่อปัสสาวะ ทวารหนัก ช่องคลอดหรือช่องปาก รวมทั้งการแพร่เชื้อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์

อาการ

โรคนี้แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 เป็นแผล หลังจากติดเชื้อประมาณ 10-90 วัน จะมีตุ่มเล็ก ๆ เท่าหัวเข็มหมุดเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ (อาจเกิดขึ้นที่หัวหน่าว ขาหนีบ ทวาร หรือริมฝีปากก็ได้ สุดแล้วแต่ตำแหน่งที่เชื้อเข้า) ซึ่งต่อมาจะแตกแล้วกลายเป็นแผลกว้าง ขอบแผลเรียบและแข็ง เรียกว่า แผลริมแข็ง (chancre) มักมีแผลเดียว รูปกลมหรือวงไข่ อาจมี 2 แผลซึ่งจะชนชิดกัน แผลไม่เจ็บไม่คัน พื้นแผลสีแดง และดูสะอาด

ประมาณ 1 สัปดาห์หลังมีตุ่มขึ้น จะพบต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตทั้ง 2 ข้าง ไม่เจ็บ มีลักษณะแข็งแยกจากกัน และสีของผิวหนังบริเวณต่อมน้ำเหลืองไม่เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ

แม้ไม่ได้รับการรักษา แผลอาจหายได้เองใน 3-10 สัปดาห์ แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย

การเจาะเลือดหาวิดีอาร์แอล จะพบเลือดบวกหลังจากมีเเผล 1-2 สัปดาห์

ระยะที่ 2 เข้าข้อ ออกดอก พบหลังระยะแรกประมาณ 4-8 สัปดาห์ (อาจเกิดหลังมีแผลเพียง 2-3 วัน หรือนานหลายเดือนก็ได้) เชื้อจะเข้าต่อมน้ำเหลืองและอยู่ในเลือดกระจายไปทั่วร่างกาย มีผื่นขึ้นทั้งตัวและที่ฝ่ามือฝ่าเท้าด้วย (ต่างจากผื่นของโรคอื่น ๆ ที่มักไม่ขึ้นที่ฝ่ามือฝ่าเท้า) ผื่นเหล่านี้จะไม่คัน ซึ่งเรียกกันว่า ออกดอก

นอกจากนี้ยังอาจพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ต่ำ ๆ เป็นครั้งคราว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เจ็บคอ เสียงแหบ ปวดหลัง ปวดตามกระดูก ต่อมน้ำเหลืองโต แผลที่เยื่อบุในช่องปากหรือบริเวณอวัยวะเพศ มีลักษณะเป็นแผลเป็นตื้น ๆ (มีเยื่อสีขาวปนเทาคลุม) มีตุ่มหงอนไก่ (ที่เรียกว่า condyloma lata ลักษณะคล้ายตุ่มหูด หรือหงอนของไก่) ขึ้นที่รอบ ๆ อวัยวะเพศหรือทวารหนัก ผมร่วงทั่วศีรษะหรือเป็นหย่อม (ดู "ผมร่วง ผมบาง" เพิ่มเติม) เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หน่วยไตอักเสบ โรคโตเนโฟรติก ตับอักเสบ ม่านตาอักเสบ เป็นต้น

ในระยะนี้ ถ้าตรวจเลือดหาวีดีอาร์แอลจะพบเลือดบวก

ผื่นและอาการต่าง ๆ จะหายได้เองแม้ไม่ได้รักษา แต่เชื้อจะแฝงตัวนานเป็นปี ๆ อาจเป็น 5 ปี 10 ปี เรียกว่า ซิฟิลิสระยะแฝง (latent syphilis) หลังจากนั้นก็เข้าสู่ระยะที่ 3

ระยะที่ 3 ระยะทำลาย เกิดจากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกวิธี เช่น ซื้อยากินเอง ทำให้เข้าสู่ระยะร้ายแรงของโรค


ภาวะแทรกซ้อน

เชื้ออาจเข้าสู่สมองและไขสันหลัง ทำให้เป็นอัมพาต บ้านหมุน เดินเซ ชัก ความจำเสื่อม ตามัว ตาบอด หูตึง หูหนวก บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงและอาจเสียสติได้

เชื้ออาจเข้าสู่หัวใจ ทำให้เป็นโรคลิ้นหัวใจเออร์ติกรั่ว (aortic insufficiency) หลอดเลือดแดงใหญ่อักเสบ (aortitis) หรือหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง

ผู้ที่เป็นซิฟิลิสอาจไม่มีแผลให้เห็นในระยะที่ 1 หรือมีอาการเข้าข้อออกดอกในระยะที่ 2 แต่จะเข้าไปแฝงตัวอยู่ในร่างกายรอเข้าสู่ระยะที่ 3 เลยก็ได้

ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ถ้าติดเชื้อซิฟิลิส (อาจเป็นโดยไม่รู้ตัว หรือไม่มีอาการแสดงชัดเจน) แล้วไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจถ่ายทอดไปยังทารกในครรภ์โดยผ่านเข้าไปทางรก ทำให้ทารกตายในครรภ์หรือตายหลังคลอด หรือไม่ก็อาจเกิดความพิการไปตลอดชีวิต เราเรียกซิฟิลิสที่เกิดในทารกในลักษณะนี้ว่า ซิฟิลิสแต่กำเนิด (congenital syphilis) ซึ่งจะมีอาการแสดงภายใน 6 สัปดาห์หลังคลอด โดยเด็กจะมีอาการเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกเป็นหนองหรือช้ำเลือดช้ำหนอง มีผื่นขึ้น หนังลอกน่าเกลียด ซีด เหลือง บวม ตับโต ม้ามโต และถ้าไม่ได้รับการรักษาเด็กจะมีความพิการต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น จมูกบี้หรือยุบ (พูดไม่ชัด) เพดานโหว่ กระจกตาอักเสบ (อาจกลายเป็นแผลกระจกตา สายตาพิการได้) หูหนวก ฟันพิการ หน้าตาพิการ เป็นต้น

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ระยะแรก พบแผลที่อวัยวะเพศ มีลักษณะขอบแผลเรียบและแข็ง ไม่เจ็บไม่คัน มักมีแผลเดียว รูปกลมหรือวงไข่ อาจมี 2 แผลซึ่งจะชนชิดกัน ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตทั้ง 2 ข้าง

ระยะต่อมา พบผื่นขึ้นทั้งตัวและที่ฝ่ามือฝ่าเท้า ผมร่วงทั่วศีรษะหรือเป็นหย่อม แผลที่เยื่อบุในช่องปากหรือบริเวณอวัยวะเพศ ตุ่มหงอนไก่ (คล้ายตุ่มหูด หรือหงอนของไก่) ที่รอบ ๆ อวัยวะเพศหรือทวารหนัก

สำหรับซิฟิลิสระยะแฝง (latent syphilis) การตรวจร่างกายมักไม่พบสิ่งปกติ

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจเลือดหาสารภูมิต้านทานต่อเชื้อซิฟิลิสด้วยวิธี "วีดีอาร์เเอล (venereal disease research laboratory/VDRL)" และ/หรือวิธีอื่น ๆ* บางรายแพทย์อาจทำการตรวจหาเชื้อจากน้ำเหลืองที่แผล หรือสารคัดหลั่งในจมูก   

ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์ก็จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น สงสัยเชื้อเข้าสมอง แพทย์จะทำการเจาะหลังนำน้ำไขสันหลังไปตรวจหาเชื้อ เป็นต้น

สำหรับทารกที่สงสัยเป็นซิฟิลิสแต่กำเนิด แพทย์จะตรวจเลือดของมารดาและทารกหาสารภูมิต้านทานต่อเชื้อซิฟิลิส ตรวจหาเชื้อจากรกและสายสะดือ ตรวจน้ำไขสันหลังของทารก เอกซเรย์ และอื่น ๆ

*แพทย์มักเริ่มต้นด้วยการตรวจกรองด้วยวีดีอาร์เเอลเป็นหลัก (บางรายอาจใช้วิธี rapid plasma reagin หรือ RPR แทน) เมื่อให้ผลเป็นบวก ก็จะตรวจยืนยันด้วยการตรวจที่ให้ผลแน่ชัด เช่น enzyme immunoassays (EIA), chemiluminescence immunoassays (CMIA) เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะตัวหลักคือ เพนิซิลลิน เช่น เบนซาทีนเพนิซิลลิน, เพนิซิลลินจี ซึ่งใช้กันมาเนิ่นนานและยังใช้ได้ดีสำหรับซิฟิลิสทุกระยะ ในรายที่แพ้ยาเพนิซิลลิน แพทย์จะให้ ดอกซีไซคลีน, อะซิโทรไมซิน หรือเซฟทริอะโซน (ceftriaxone) แทน

แพทย์จะเลือกใช้ชนิดยา ขนาด วิธีใช้ และระยะของการให้ยา ตามระยะของโรค ภาวะโรคที่วินิจฉัย และสภาวะของผู้ป่วย อาทิ

    สำหรับซิฟิลิสในระยะที่ 1 และ 2 เบนซาทีนเพนิซิลลินฉีดเข้ากล้ามเพียงครั้งเดียว (สำหรับระยะที่ 2 อาจฉีดซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา) หรือให้อะซิโทรไมซินเพียงครั้งเดียว

ถ้าให้ดอกซีไซคลีน หรือเซฟทริอะโซน ให้นาน 14 วัน (สำหรับหญิงตั้งครรภห้ามใช้ดอกซีไซคลีน)

    สำหรับซิฟิลิสในระยะแฝง (เป็นมานานกว่า 2 ปี ตั้งแต่เริ่มเป็นแผลริมแข็ง) หรือแผลซิฟิลิสเรื้อรัง หรือซิฟิลิสเข้าระบบหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular syphilis) ฉีดเบนซาทีนเพนิซิลลิน เป็นจำนวน 3 ครั้ง ห่างกันทุก 1 สัปดาห์ ถ้าให้ดอกซีไซคลีน จะให้นาน 28 วัน

    ในรายที่เป็นซิฟิลิสเข้าระบบประสาทและสมอง (neurosyphilis) รักษาโดยการฉีดเพนิซิลลินจี นาน 10-14 วัน และตามด้วยเบนซาทีนเพนิซิลลินฉีดเข้ากล้ามสัปดาห์ละครั้ง จำนวน 1-3 ครั้ง ถ้าแพ้ยานี้ให้เซฟทริอะโซนฮีดเข้ากล้ามหรือเข้าหลอดเลือดดำ นาน 10-14 วัน

    ซิฟิลิสแต่กำเนิด ฉีดเพนิซิลลินจี นาน 10 วัน

ผลการรักษา ส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งหลังให้ยาแพทย์จะติดตามตรวจดูอาการและตรวจเลือดเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาได้ผลดี ไม่มีการดื้อต่อยาที่รักษา

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีแผลที่อวัยวะเพศ มีผื่นขึ้นทั้งตัวและฝ่ามือฝ่าเท้า ผมร่วง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นซิฟิลิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา ใช้ยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหาย


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา 
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

การป้องกัน

1. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ถ้าจะหลับนอนกับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัย และฟอกล้างสบู่ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์

2. ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยซิฟิลิสในระยะ 3 เดือนแรก ควรได้รับการรักษาแบบซิฟิลิสระยะแรก

3. สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ควรตรวจกรองโรคด้วยการตรวจเลือด หากพบว่าเป็นซิฟิลิสแฝง แพทย์จะได้ให้การรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อให้ทารก

ข้อแนะนำ

1. สำหรับซิฟิลิสระยะ 1 และ 2 รวมทั้งระยะแฝง ภายใน 2 ปีแรกหลังการรักษา ควรตรวจเลือดหาวีดีอาร์แอลเดือนละครั้งใน 3 เดือนแรก ต่อไปตรวจทุก 3 เดือนจนครบ 9 เดือน ต่อไปตรวจทุก 6 เดือนจนครบ 1 ปี (รวมทั้งหมด 2 ปี) เพื่อให้แน่ใจว่าโรคหายขาด โดยทั่วไปผลเลือดจะเป็นปกติภายใน 2 ปี

สำหรับซิฟิลิสระยะแฝงเกิน 2 ปี ซิฟิลิสเข้าระบบหัวใจและหลอดเลือด และซิฟิลิสที่เข้าระบบประสาทและสมอง ควรตรวจวีดีอาร์แอลทุก 3 เดือนจนครบปีที่ 1 ต่อไปทุก 6 เดือนจนครบปีที่ 2 ต่อไปปีละ 1 ครั้งจนตลอดชีวิตของผู้ป่วย

2. การวินิจฉัยซิฟิลิสต้องอาศัยการตรวจเลือด (วีดีอาร์แอล หรือ RPR) เป็นสำคัญ จะดูจากอาการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม ควรตรวจเลือดทุกราย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นซิฟิลิส หรือถ้าเป็นจะได้ให้การรักษาตั้งแต่ระยะแรก ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงตามมา

3. ผู้หญิงบางคนอาจติดเชื้อซิฟิลิสจากสามีที่ชอบเที่ยวโดยไม่มีอาการแสดงให้ทราบ และอาจติดทารกในครรภ์ได้ เช่นเดียวกับการติดเชื้อเอชไอวี ดังนั้น ในการฝากครรภ์ควรเจาะเลือดเพื่อตรวจหาวีดีอาร์แอลและควรตรวจหาเชื้อเอชไอวีพร้อม ๆ กันไปทุกราย ถ้าเลือดบวกต้องแนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อป้องกันมิให้แพร่เชื้อให้ทารกในครรภ์

15
การจัดฟันเด็ก ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะในปัจจุบันพ่อแม่ผู้ปกครองเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลานกันมากขึ้น เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองได้เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพช่องปากและฟัน จึงพาเด็กไปเข้ารับการจัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น ก็มีข้อดีหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปร่างของฟัน ที่จะทำให้ฟันเข้าที่หรืออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ปรับโครงสร้างของใบหน้าให้เข้าที่มากยิ่งขึ้น


รวมไปถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสบฟันที่ดีขึ้น และการบดเคี้ยวอาหารที่ดีกว่าเดิม ทำให้เด็กสามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมากขึ้น ป้องกันปัญหาฟันผุ อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกได้


เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อย่างยาวนานในด้านการจัดฟันในเด็ก และมีเครื่องมือการรักษาที่ทันสมัย รับรองได้ว่า จะมีความปลอดภัยและทำให้ฟันของบุตรหลานของท่านสวยงามขึ้นอย่างแน่นอน และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้เป็นแนวทางสำหรับเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟัน

ซึ่งขั้นตอนการเตรียมตัวของเด็กก่อนที่จะเข้ารับการจัดฟันนั้น อย่างแรกเลยก็คือ การสร้างทัศคติที่ดีเกี่ยวกับการทำฟันให้เด็กๆ เพื่อที่จะช่วยลดความกังวลที่จะเข้าพบทันตแพทย์และเป็นการช่วยปลูกฝังในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีให้กับเด็กๆ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เนื่องจากเด็กหลายคนมีความกลัวที่จะต้องเข้ารับการตรวจฟัน ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ยอมไปเข้ารับการตรวจฟัน อาจจะทำให้เด็กที่สุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดีได้ ต่อมาถึงขั้นตอนของการเข้ารับการจัดฟัน  ทันตแพทย์จะทำการทำประวัติผู้เข้ารับการจัดฟัน ซึ่งประกอบด้วย วิธีการพิมพ์ปากเพื่อสร้างแบบจำลองฟัน ทั้งที่เป็นแบบปูนหรือแบบดิจิตอล

หน้า: [1] 2 3 ... 26