ผู้เขียน หัวข้อ: tokyo motor show: อีซูซุ MU-X 4x4 3.0 RS กับการขับในเมือง  (อ่าน 9 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 430
  • โพสประกาศขายในไทยฟรี
    • ดูรายละเอียด
tokyo motor show: อีซูซุ MU-X 4x4 3.0 RS กับการขับในเมือง
« เมื่อ: วันที่ 24 ธันวาคม 2024, 22:24:09 น. »
tokyo motor show: อีซูซุ MU-X 4x4 3.0 RS กับการขับในเมือง

อีซูซุ  MU-X “THE NEXT PEAK” กับนิยาม “จุดสูงสุดใหม่...กับชีวิตที่เหนือกว่า” ปรับโฉมใหม่ เติมฟังก์ชันสมบูรณ์แบบกว่าเดิม อีกทั้งยังเพิ่มไลน์อัพสปอร์ตอย่างรุ่น RS ให้อารมณ์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน พร้อมกับการเป็นรุ่นท็อปออฟเดอะไลน์และนี่คือ เหตุผลว่าทำไมถึงต้องเลือกรุ่น RS ไม่ว่าต้องการระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือความสปอร์ตกับเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์  ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ซึ่งเป็นจุดเด่นเฉพาะรถรุ่นนี้เท่านั้น

MU-X RS รุ่นท็อปใหม่ พร้อมชุดแต่ง RS Design และสีใหม่ เทา ไอเกอร์ โอเพค  นอกจากนี้ตัวรถด้านหน้ายังดูสปอร์ตกับกันชนหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Fighter Jet และสะดวกสบายกับการขับในเมืองมากยิ่งขึ้นด้วย พวงมาลัยไฟฟ้า และ 360° Surround View Camera กล้อง 360 องศา พร้อมอัพเกรดระบบความปลอดภัยที่เหนือไปอีกขั้นกับ ADAS Generation เวอร์ชันล่าสุด

อีซูซุ MU-X รุ่น RS นับเป็นรุ่นเพิ่มใหม่เข้ามาในซีรี่ย์ มิว-เอ็กซ์ และเป็นรุ่นท็อปใหม่ล่าสุดด้วยเช่นกันโดยใช้เครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์  ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที เพียงบล็อคเดียว แต่มี 2 รุ่นทางเลือกกับระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ภาพลักษณ์ของรุ่นนี้เน้นไปที่ความสปอร์ตตั้งแต่ภายนอก ภายใน พร้อมกับฟังก์ชันมากมาย และฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งมีหลายอย่างที่มีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น ทำให้ความโดดเด่นของ อีซูซุ MU-X ใหม่ ตกยกให้กับรุ่นนี้จริงๆ แน่นอนว่ารวมไปถึงราคาด้วย  ในส่วนของสมรรถนะการขับก็ยังตอบโจทย์รอบด้านกับการเป็นรถเอสยูวีครอบครัว 7 ที่นั่งคันใหญ่และไปได้ทุกเส้นทางจริงๆ ด้วยพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ทำให้การขับใช้งานเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนปรับโฉมชัดเจน ตอบสนองดีขึ้นเบามือและควบคุมได้แม่นยำขึ้น นอกจากนี้การมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือกก็เป็นทางเลือกให้กับพ่อบ้านสายลุยที่ชอบการขับเที่ยวทางไกล ลุยเข้าเส้นทางออฟโร้ดสลับออนโร้ดได้เป็นอย่างดี

ล่าสุดที่ได้ขับเป็นระยะทางกว่า 400 กม. ได้อัตราสิ้นเปลือง 10.4 กม./ลิตร ตัวรถแม้หนัก 2,175 กก. เพราะมีชิ้นส่วนขับเคลื่อน 4 ล้อติดตั้ง แต่ก็ให้การออกตัวและขับเคลื่อนในเมืองที่กระฉับกระเฉง คล่องแคล่วเหมือนไม่ใช่รถเอสยูวีขนาด 2 ตันกว่า การอยู่ในรถนานช่วงรถติดในเมืองนับว่าสบายและไม่อึดอัด ชอบเบาะหนังสังเคราะห์ COOLMAX แถมปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งคนขับ และ 4 ทิศทางที่เบาะข้าง ให้ความละเอียดในการปรับมุมองศาให้เข้ากับสรีระและปรับเปลี่ยนสะดวกในช่วงเวลาที่ต้องการ ด้านระบบเครื่องเสียง ได้หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay แต่ไม่มีไวเลสชาร์จ และพอร์ตรองรับไทป์ C แบบใหม่อย่างเดียว ใครใช้สายหัวยูเอสบีแบบเก่าต้องใช้อแดปเตอร์ยูเอสบีที่ช่องจ่ายไฟเสียบเพิ่ม อย่างไรก็ตามการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนลองทั้ง 2 โอเอสแล้วพบว่า ฝั่งไอโอเอสเชื่อมต่อได้ง่ายกว่า การเล่นเพลงผ่านแอพฯ นิยมอย่าง Spotify สะดวกสบายแต่คุณภาพเสียงธรรมดากว่าที่คาดหวัง

ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระ ซ้าย-ขวา นับเป็นมาตราฐานของรถหลักล้านชั่วโมงนี้อยู่แล้ว ในมิวเอ็กซ์ระบบแอร์ทำงานไวเย็นเร็วทั่วถึงแม้ภายในห้องโดยสารจะกว้างก็ตาม และมีแผ่นกรองระบบปรับอากาศ PM 2.5 ซึ่งยุคนี้จำเป็นเลยกับการได้อากาศที่มีคุณภาพภายในรถ โดยเฉพาะรถสำหรับครอบครัว

 ด้วยราคา 1,759,000 บาท พร้อมกับความครบครันของรถพีพีวี-เอสยูวี ที่ยังพร้อมไปต่อได้อีกไกล ไร้กังวลเรื่องการเดินทาง พร้อมเซอร์วิสได้ทุกที่ทั่วประเทศกับศูนย์บริการที่มากที่สุด นับเป็นตัวเลือกที่ยังให้ความมั่นใจและไว้วางใจได้มากที่สุดรุ่นหนึ่ง


ภายนอก

กระจังหน้าใหม่! BLACK DIAMOND GRILLE พร้อม สัญลักษณ์ RS
ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่! Dynamic Blade ดีไซน์สปอร์ตกับชุดไฟท้าย เส้น Embrace Line
สปอร์ตด้วยล้ออัลลอยใหม่! RS Design ขนาด 20 นิ้ว พร้อม Fender Garnish สีดำ และ Side Garnish สัญลักษณ์ RS
กันชนหน้าใหม่! แบบ Fighter Jet ดุดันพร้อม Air Curtain เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์
สีใหม่ล่าสุด! EIGER GRAY Opaque และหลังคาดำ Black Roof พร้อมสัญลักษณ์ RS สี LIME GREEN

 
ภายใน

บรรยากาศภายในห้องโดยสารโทนสีดำใหม่! พร้อมตกแต่งด้วย Matte Silver Garnish
เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตใหม่! เดินด้ายสี LIME GREEN และสัญลักษณ์ RS บนหัวเบาะ
บรรยากาศภายในห้องโดยสารกับ Red Ambient Light
คอนโซลสีดำดีไซน์ใหม่ สอดแทรกด้วยวัสดุ Matte Silver

ความสะดวกสบาย

ใหม่! กล้อง 360 องศา (360 Surround View Camera) มั่นใจด้วยมุมมองใต้ท้องรถ
ใหม่! พวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Steering) ขับสบายคล่องตัวทั้งในเมือง และนอกเมือง มีในรุ่น RS และ Ultimate
ใหม่! Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay พร้อม Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ Integrated MID แสดงผลได้หลากหลายฟังก์ชัน เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ
Smart Tailgate with Step Sensor ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าและหยุดเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้วยระบบ Jam Protection
ที่นั่งโดยสาร 7 ที่นั่ง เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง และเบาะนั่งตอน 2 และตอน 3 ปรับเอนได้พร้อมพับได้ราบสนิท เพิ่มพื้นที่เก็บของ เข้าออกที่นั่งตอน 3 แบบ One Touch

ระบบ Terrain Command ลุยได้ทุกสภาพถนนด้วย ระบบขับเคลื่อนที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ ทนทาน และประหยัดน้ำมันกว่า
ระบบ Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และเบรกให้เหมาะสม เพื่อสามารถผ่านอุปสรรคได้ดีขึ้น ใช้ได้ทั้งในโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ
ช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone และช่วงล่างหลังแบบ 5-Link Suspension เอกสิทธิ์เฉพาะ MU-X
ตำแหน่งเครื่องยนต์เยื้องหลังเพลาหน้าแบบ Semi-Midship กระจายน้ำหนัก เกาะถนน ทรงตัวดียิ่งขึ้น
รัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.6 เมตร

4x2 3.0 RS A/T ราคา 1,659,000 บาท
4x4 3.0 RS A/T ราคา 1,759,000 บาท