ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน (Acute Transverse Myelitis  (อ่าน 19 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 623
  • โพสประกาศขายในไทยฟรี
    • ดูรายละเอียด
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน (Acute Transverse Myelitis - ATM หรือ TM)

ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน (Acute Transverse Myelitis - ATM หรือ TM) คือภาวะทางระบบประสาทที่เกิดจากการอักเสบอย่างเฉียบพลันของไขสันหลังในระดับใดระดับหนึ่ง ทำให้เกิดการขัดขวางการส่งผ่านกระแสประสาทจากสมองไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย หรือในทางกลับกัน ซึ่งนำไปสู่อาการอ่อนแรง, ชา, และปัญหาในการควบคุมระบบขับถ่าย

ภาวะนี้เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่มีความรุนแรงและอาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

สาเหตุของไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน:
สาเหตุที่แท้จริงของ ATM ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดในทุกกรณี (เรียกว่า Idiopathic) แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Autoimmune Reaction) ที่ไปโจมตีไขสันหลังตัวเอง โดยอาจถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

การติดเชื้อ (Infections):

ไวรัส: เป็นสาเหตุที่พบบ่อย เช่น ไวรัสเริม (Herpes simplex, Varicella zoster ที่ทำให้เกิดอีสุกอีใสและงูสวัด), ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza), เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus), ไวรัสเอ็บสไตน์-บาร์ (Epstein-Barr virus), ไวรัส HIV, ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน รวมถึง COVID-19
แบคทีเรีย: เช่น Mycoplasma pneumoniae, Lyme disease, Syphilis, Tuberculosis (วัณโรค)
เชื้อรา/ปรสิต: พบน้อย

โรคทางภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune Diseases):

โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis - MS): ATM อาจเป็นอาการแรกของ MS หรือเป็นส่วนหนึ่งของ MS
โรคนิวโรมัยอิไลติส ออพติกา (Neuromyelitis Optica Spectrum Disorder - NMOSD หรือ Devic's Disease): เป็นโรคทางภูมิคุ้มกันที่โจมตีทั้งไขสันหลังและเส้นประสาทตา ทำให้เกิดอาการตาบอดและอัมพาต
โรคที่เกี่ยวข้องกับแอนติบอดี MOG (MOGAD - Myelin Oligodendrocyte Glycoprotein Antibody-Associated Disease): คล้ายคลึงกับ NMOSD
โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythematosus - SLE):
กลุ่มอาการโจเกรน (Sjögren's Syndrome):
โรคซาร์คอยด์ (Sarcoidosis):
หลังได้รับวัคซีน: พบน้อยมาก แต่มีรายงานว่าอาจเกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนบางชนิด โดยเชื่อว่าเป็นปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกาย

สาเหตุอื่นๆ ที่พบน้อย: เช่น ภาวะเลือดไปเลี้ยงไขสันหลังไม่พอ (Vascular insufficiency), เนื้องอกที่กดทับไขสันหลัง (Spinal cord tumor), ความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด

อาการของไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน:
อาการมักจะเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงจนถึงไม่กี่วัน และอาจแย่ลงอย่างต่อเนื่องในวันถัดๆ มา ขึ้นอยู่กับระดับของไขสันหลังที่เกิดการอักเสบ อาการมักจะเป็นแบบสมมาตรทั้งสองข้างของร่างกาย (Bilateral) และอยู่ต่ำกว่าระดับที่เกิดการอักเสบลงไป

อาการปวด (Pain):

ปวดหลังส่วนล่าง, คอ, หรือปวดร้าวเป็นแถบรอบหน้าอกหรือหน้าท้อง
บางคนอาจมีอาการปวดแปลบเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต หรือปวดแสบปวดร้อน ร้าวลงแขนหรือขา
อาการผิดปกติทางการรับความรู้สึก (Abnormal Sensations / Sensory Deficits):

ชา หรือรู้สึกซ่าๆ บริเวณแขนขา ลำตัว หรือรอบปาก
รู้สึกเย็นหรือร้อนผิดปกติ
บางคนอาจรู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดแน่นเป็นแถบๆ รอบหน้าอก ท้อง หรือขา
ความสามารถในการรับรู้การสัมผัส, อุณหภูมิ, การสั่นสะเทือนลดลง
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle Weakness):

อาการอ่อนแรงมักจะเริ่มจากขา ทำให้เดินเซ, ลากเท้า, หรือรู้สึกขาหนัก
ในรายที่รุนแรงอาจเกิดอัมพาตครึ่งล่าง (Paraplegia) หรืออัมพาตทั้งสี่แขนขา (Quadriplegia) ได้
การทรงตัวลำบาก
ปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย (Bladder and Bowel Dysfunction):

ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ, กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary Incontinence)
ปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะค้าง (Urinary Retention)
ท้องผูก หรือกลั้นอุจจาระไม่อยู่
อาการอื่นๆ (พบน้อยกว่า):

มีไข้
ปวดศีรษะ
ความผิดปกติทางเพศ (Sexual dysfunction)
ตาพร่ามัว (หากมีการอักเสบของเส้นประสาทตา เช่น ใน NMOSD)
การวินิจฉัย:
การวินิจฉัยไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันเป็นการวินิจฉัยแบบแยกโรค (Diagnosis of Exclusion) คือต้องตัดสาเหตุอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการคล้ายกันออกไปก่อน เนื่องจากอาการอาจคล้ายกับภาวะฉุกเฉินทางระบบประสาทอื่นๆ เช่น การกดทับไขสันหลังจากเนื้องอกหรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

ประวัติและตรวจร่างกายทางระบบประสาท: แพทย์จะสอบถามอาการ, ประวัติทางการแพทย์, และทำการตรวจประเมินระบบประสาทอย่างละเอียด
การถ่ายภาพรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ของไขสันหลังและสมอง:
สำคัญที่สุด: MRI สามารถแสดงให้เห็นถึงการอักเสบหรือรอยโรคในไขสันหลัง และช่วยตัดภาวะอื่นๆ ที่กดทับไขสันหลังออกไป
อาจมีการฉีดสารทึบแสง (Contrast) เพื่อช่วยให้เห็นการอักเสบชัดเจนขึ้น
อาจตรวจ MRI สมองร่วมด้วยเพื่อแยกภาวะ MS

การเจาะน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture/Spinal Tap):
เพื่อตรวจหาสัญญาณของการอักเสบ (เช่น จำนวนเม็ดเลือดขาวที่สูงขึ้น, โปรตีน) และตรวจหาเชื้อโรค หรือสารบ่งชี้อื่นๆ

การตรวจเลือด:
เพื่อตรวจหาเชื้อโรค, ภาวะการอักเสบ, หรือแอนติบอดีบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรคทางภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (เช่น Aquaporin-4 antibody สำหรับ NMOSD, MOG antibody)
การรักษา:
การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การลดการอักเสบในไขสันหลัง, บรรเทาอาการ, และฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาท

คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids):
มักจะให้ยา Methylprednisolone ขนาดสูงทางหลอดเลือดดำ เป็นระยะเวลา 3-5 วัน เพื่อลดการอักเสบในไขสันหลัง เป็นการรักษาหลักในช่วงเฉียบพลัน

การเปลี่ยนถ่ายพลาสมา (Plasmapheresis หรือ Plasma Exchange - PLEX):
ใช้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยสเตียรอยด์
เป็นการนำเลือดของผู้ป่วยมาปั่นแยกส่วนที่เป็นพลาสมาออกไป แล้วเติมพลาสมาเทียมกลับเข้าไปแทน เพื่อกำจัดแอนติบอดีหรือสารภูมิคุ้มกันที่ทำลายไขสันหลัง

อิมมูโนโกลบูลินทางหลอดเลือดดำ (Intravenous Immunoglobulin - IVIG):
อาจใช้เป็นทางเลือกในการรักษาในบางกรณีที่สเตียรอยด์ไม่ได้ผล หรือมีข้อห้ามในการใช้

ยาปฏิชีวนะ/ยาต้านไวรัส:
หากพบว่าเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่สามารถรักษาได้ แพทย์จะให้ยาที่จำเพาะกับเชื้อนั้นๆ


การรักษาประคับประคองและฟื้นฟูสมรรถภาพ (Supportive Care & Rehabilitation):

การจัดการความปวด: ให้ยาแก้ปวด
การจัดการระบบขับถ่าย: การใส่สายสวนปัสสาวะ, การใช้ยาระบาย หรือการฝึกขับถ่าย
กายภาพบำบัด (Physical Therapy): เพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ, การทรงตัว, และการเดิน
กิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy): เพื่อฝึกทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน
การป้องกันภาวะแทรกซ้อน: เช่น การพลิกตะแคงตัวเพื่อป้องกันแผลกดทับ, การบริหารปอดเพื่อป้องกันปอดอักเสบ


การพยากรณ์โรค:
การฟื้นตัวจากไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล:

บางรายฟื้นตัวได้เกือบสมบูรณ์: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับการรักษาเร็วและสาเหตุไม่รุนแรง
บางรายมีความพิการหลงเหลืออยู่: เช่น อ่อนแรงเรื้อรัง, ชา, หรือปัญหาในการควบคุมระบบขับถ่าย
บางรายอาจมีอาการกลับมาเป็นซ้ำ: โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคทางภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น MS หรือ NMOSD

หากมีอาการอ่อนแรงเฉียบพลัน, ชาอย่างรุนแรง, ปวดหลังมากผิดปกติ, หรือมีปัญหาในการควบคุมระบบขับถ่ายร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที เพราะเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายถาวร